Page 66 - kpiebook65020
P. 66

27

                                                                                     รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์
                                     โครงการวิจัยเรื่อง “องค์ความรู้และเครื่องมือส าหรับการตรวจสอบความจ าเป็นในการตรากฎหมาย”


                                  49
               (all  major  rules)”   แนวคิด RIA  เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังยุโรปในปีค.ศ. 1984  โดย
               เยอรมันนีเป็นประเทศแรกในยุโรปที่น าแนวคิด RIA มาใช้ในการจัดท า the Blue Checklist ซึ่งเป็นค าถามที่
               หน่วยงานต้องตอบก่อนท าการยื่นเสนอการเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงกฎ หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1986  ประเทศส
               หราชอาณาจักรได้น าแนวคิด RIA เข้ามาใช้ภายใต้ชื่อ Compliance Cost Assessment และเมื่อประเทศส

               หราชอาณาจักรได้เข้าไปมีบทบาทในฐานะประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (President  of  European
               Council)  ในปีเดียวกัน แนวคิด RIA  ได้ถูกน าไปใช้ในระดับสหภาพยุโรปภายใต้ชื่อ Business  Impact
               Assessment (BIA) อย่างไรก็ตาม แนวคิด RIA ในสหภาพยุโรปกลับได้รับการผลักดันจนมีการบังคับใช้อย่าง

               เป็นระบบในปี ค.ศ. 2005 ในฐานะส่วนหนึ่งของนโยบาย Better Regulation  เพื่อพัฒนาคุณภาพและความ
               โปร่งใสของการออกกฎภายในเขตสหภาพยุโรป ในปีเดียวกันสหภาพยุโรปได้ประกาศคู่มือการด าเนินการจัดท า
               RIA ออกมาอย่างเป็นทางการ ในที่สุด นอกจากในสหรัฐอเมริกาและยุโรปแล้ว ประเทศอื่น ๆ ในโลกต่างตอบ
               รับแนวคิด RIA  ผ่านความพยายามผลักดันขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
               (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD) ตั้งแต่ในปีค.ศ. 1995 OECD

               ได้ออกประกาศ Reference  Checklist  for  Regulatory  Decision-making  หรือที่เรียกกันว่า OECD
               Checklist  ซึ่งจะมีค าถามทั้งหมด 10 ข้อ ที่หน่วยงานต้องตอบก่อนท าการเสนอแก้ไขหรือเพิ่มเติมกฎหมาย
               โดย OECD เชื่อว่าการค าถามทั้ง 10 ข้อ ใน OECD Checklist นั้นไม่ได้มีซับซ้อนและมีความเหมาะสมกับทั้ง

               ประเทศพัฒนาและก าลังพัฒนาที่ต้องการรับแนวคิดการจัดท า RIA  เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการออก
               กฎหมายและกฎ ในปีค.ศ. 2017  OECD  ประสบความส าเร็จในการส่งต่อแนวคิด RIA  ให้กับประเทศสมาชิก
               OECD ทั้ง 37 ประเทศ อาจจะกล่าวได้ว่า ในปัจจุบัน RIA ได้รับการยอมรับอย่างมากในบริบทสังคมโลก

                              2.1.3.3 ประโยชน์จากการท า RIA

                              รัฐบาลที่ตัดสินใจเลือกท า RIA  เพื่อศึกษาต้นทุนและผลกระทบก่อนการออกกฎหมายจะ
                                    50
               ได้รับประโยชน์ดังต่อไปนี้
                              1. เพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบจริงที่เกิดขึ้น ทั้งผลในแง่บวกและผลในแง่ลบ

                              ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงจะน าไปสู่การตัดสินใจเลือกก าหนดนโยบายที่มี

               ประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาอคติส่วนตัวหรือการประเมินผลกระทบโดยไม่มีหลักฐานที่เข้ามาปะปนในการ
               ตัดสินใจก าหนดนโยบาย ดังนั้นแล้วการจัดท า RIA  ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์จะช่วยให้การตัดสินใจก าหนด
               นโยบายมีเหตุผลสนับสนุนชัดเจนและครบถ้วน

                              2. ประสานวัตถุประสงค์อันหลากหลายของนโยบายเข้าด้วยกัน

                              การจัดท า RIA คือการประเมินผลกระทบจากหลากหลายนโยบายทางเลือก โดยหลากหลาย

               ทางเลือกอาจมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันและอาจมีวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่แตกต่างกัน RIA  จะช่วยเชื่อมโยง

               49
                  William N Eskridge Philip P. Frickey Elizabeth Garrett and James J. Brudney, Cases and Materials on
               Legislation and Regulation: Statutes and the Creation of Public Policy, 5th edition (Eagan: West Academic
               Publishing, 2014), p. 1024.
               50  OECD (1997), Regulatory Impact Analysis: Best Practices in OECD Countries, (Paris).
   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71