Page 333 - kpi17733
P. 333
2
๏ ผู้นำชุมชนกลุ่มต่างๆ โดยเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ อบต.ปริก และ บริษัทเซฟสกิน เมดดิคอล แอนด์
กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล อาสาสมัครป้องกัน ไซเอนทิฟิก (ประเทศไทย) จำกัด ด้วย
ภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เจ้าอาวาส และโต๊ะอิหม่าม เป็นต้น กระบวนการดูแลร่วมกัน สนับสนุนการทำงาน
แบบเครือข่ายธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม ทำให้
๏ ภาคประชาชน โดยตัวแทนภาคประชาชนที่เข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายของ สภาพทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนดีขึ้นมาก
โครงการดังกล่าวมาจากภาคประชาสังคมในพื้นที่เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น
กลุ่มลานแสงจันทร์ กลุ่มธรรมรักษ์ กลุ่มพรานเสรี กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ เพราะมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำ พัฒนารูปแบบ
และสิ่งแวดล้อมบ้านต้นสะท้อน กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การเลี้ยงปลาด้วยวิธีธรรมชาติจึงทำให้โอกาสที่
ปลาจะตายลดน้อยลง หรือแม้แต่มีระบบความรับ
บ้านตะเคียนเภา วัดหัวถนน วัดบ้านใหม่ รวมถึงกลุ่มชุมชนที่อยู่นอก
ตำบลปริกด้วย เช่น ตำบลพังลา ตำบลท่าโพธิ์ ตำบลพะตง ผิดชอบของโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่
หากเป็นต้นเหตุที่ทำให้ปลาที่ชุมชนเลี้ยงไว้ตาย
ผลจากโครงการดังกล่าวที่เน้นการทำงานแบบเครือข่าย นอกจากจะทำให้
อันเนื่องมาจากการปล่อยน้ำเสียด้วยการชดเชย
เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในชุมชนแล้ว การทำงานแบบ ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น กล่าวได้ว่า การทำงานแบบ
เครือข่ายยังช่วยลดความขัดแย้งจนกลายเป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มต่างๆในชุมชน สอดประสานเป็นเครือข่ายธรรมาภิบาล
ด้วยกันเอง บทบาทขององค์การบริหารส่วนตำบลปริกในฐานะหน่วยงานกลาง สิ่งแวดล้อม ทำให้ชุมชนในตำบลปริกและ
สามารถลดความขัดแย้งระหว่างโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่คือ บริษัทเซฟสกิน
ใกล้เคียงมีสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และที่สำคัญ
เมดดิคอล แอนด์ ไซเอนทิฟิก (ประเทศไทย) จำกัด ลงได้ โดยการเปลี่ยนสภาพ
คือเกิดการทำงานแบบเครือข่ายสิ่งแวดล้อมที่ช่วย
คู่ขัดแย้งระหว่างโรงงานและชุมชนที่เคยมีคดีความฟ้องร้อง ประกอบนายกองค์การ แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างดี
บริหารส่วนตำบลที่เคยถูกข้อครหาว่ารับเงินสินบนมาจากโรงงานเอง เมื่อมีการแก้ไข
ปัญหาด้วยการนำทุกฝ่ายมาคุยร่วมกัน เพื่อหาแนวทางของการจัดการปัญหาอย่าง
สันติแล้ว สามารถทำให้คู่ขัดแย้งเดิมมาเป็นเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อมในชุมชนด้วยความสัมพันธ์ที่ดี
ตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำงานในรูปแบบเครือข่ายเช่นนี้ เห็นได้จากการเกิด
“อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังคลองอู่ตะเภา” โดยมีพื้นที่การทำงานที่ครอบคลุมตั้ง
แต่ต้นจนถึงปลายคลองอู่ตะเภา ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการอบรม
ให้ความรู้ การเสวนาหาทางออก โครงการเลี้ยงปลาในคลอง การปลูกต้นไม้คืนสู่
ธรรมชาติสู่ผืนดิน การทำงานร่วมกันแบบเครือข่ายขององค์การบริหารส่วนตำบลปริก
ยังช่วยเอื้อต่อกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างภาคีเครือข่ายอีกด้วย เช่น
การสนับสนุนให้ชุมชนเลี้ยงปลากระชังในคลองอู่ตะเภาด้วยการสสนับสนุนของ
รางวัลพระปกเกล้า’ 58 รางวัลพระปกเกล้า’ 58
