Page 68 - kpi20680
P. 68
44
ครูไม่จ าเป็นต้องเป็นหลักในการถ่ายทอดความรู้อีกต่อไป แต่ครูต้องปลูกฝังให้เด็กรู้จักใฝ่หาความรู้
ตั้งแต่เด็ก ต้องรักการอ่าน โดยในอนาคตอาจปลูกฝังให้รักการฟังด้วย เพราะปัจจุบันมีการ
เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนรู้จากการอ่านไปเป็นการฟังจากเสียงด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น
จึงต้องสอนและปลูกฝังให้เด็กรู้จักรักการใฝ่หาความรู้ รู้จักรับผิดชอบ มีวินัย เพื่อท าให้สามารถอยู่
รอดได้ในสังคมปัจจุบัน และเป็นหลักในการพัฒนาประเทศชาติได้
นอกจากนี้ เนื่องจากรูปแบบการศึกษาในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต
ค่อนข้างมาก แต่ผู้ที่อยู่ ในวงการศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในหน่วยงานราชการ ซึ่งยึดติดอยู่กับกรอบของ
ราชการที่ถูกก าหนดไว้มาเป็น ระยะเวลายาวนานจนท าให้ไม่สามารถมองทะลุปัญหาได้ และ
การศึกษาเป็นเรื่องของการลงทุน ซึ่งรัฐไม่สามารถลงทุนได้ทั้งหมด การด าเนินการปฏิรูปการศึกษา
จึงต้องใช้พลังการมีส่วนร่วมจากคนที่อยู่นอกวงการศึกษา เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่าง
ภาคเอกชนกับภาครัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐส่วนกลาง ท้องถิ่น และภาคเอกชน โดยค า
ว่า “ภาคเอกชน” หมายถึงใครก็ตามที่ไม่ใช่รัฐ และอาจจะเรียกแตกต่างกัน เช่น ชุมชน สมาคม หรือ
บริษัทห้างร้าน เป็นต้น
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันได้ก าหนดระบบการศึกษาทั้งปวงต้อง
มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตน และมี
ความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และ ประเทศชาติ โดยนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ อธิบายว่า คนที่มีวินัยและมีความส านึก ในความรับผิดชอบ สังเกต
ได้จากในวงราชการที่ไม่ว่าจะมอบหน้าที่หรือภารกิจใดให้คนเหล่านั้นปฏิบัติ ก็จะสามารถเติบโต
และเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ แตกต่างจากผู้ที่ไม่มีวินัย และไม่มีความส านึกใน ความ
รับผิดชอบ ต่อให้มีผู้อุปถัมภ์ค ้าชู ก็ไม่ประสบความส าเร็จและไม่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้
หรือคนที่เก่งและมีความฉลาด หากไม่มีวินัย ไม่มีส านึกความรับผิดชอบซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบ
ต่อสังคม ก็ไม่สามารถเรียกว่าเป็นคนดีได้ เพราะสามารถใช้ความเก่งและความฉลาดของตัวเอง
ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและความเสียหายให้แก่ประเทศชาติได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องวิชาการ คือ “สามารถเชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตน” ซึ่งมีความมุ่ง
หมายที่ต้องการเน้นว่า ไม่สามารถบังคับให้เด็กเรียนวิชาการเหมือนกันทุกคน แต่ต้องเป็นการเรียน
ตามความชอบ และความถนัดของเด็ก เพราะเด็กแต่ละคนมีความเก่งแต่ละด้านไม่เหมือนกัน เช่น
บางคนเก่งด้านศิลปะหรือ การวาดรูป ก็สามารถประกอบอาชีพจนร ่ารวยและสร้างชื่อเสียงให้แก่
ตนเองและประเทศชาติได้ จึงอาจไม่มีความจ าเป็นต้องบังคับเด็กให้เรียนเก่งวิชาฟิสิกส์ เคมี หรือ
คณิตศาสตร์เหมือนกันหมดทั้งประเทศ แต่ให้เด็กเลือกเรียนตามความถนัดของตนเอง ใครถนัดด้าน
ไหนควรส่งเสริมด้านนั้น บางคนเลือกเรียนตามความต้องการของพ่อแม่ ไม่ได้เลือกเรียนสาขาวิชา