Page 6 - kpiebook63030
        P. 6
     5
                  ในแต่ละกลุ่มอาชีพ มีนโยบายย่อยที่เจาะเฉพาะ อาทิเช่น ปัญหาประมง ปัญหายางพารา เป็นต้น กล่าวคือ
                  ปัจจัยทางด้านความรุนแรงและเศรษฐกิจมีผลต่อพฤติกรรมของผู้ลงคะแนนเสียงครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
                          ด้วยเหตุข้างต้นจังหวัดปัตตานีที่ถือว่าเป็นพื้นที่พิเศษที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบนั้น จากตั้งแต่
                  ไม่มีสื่อออนไลน์จนกระทั่งทุกคนใช้สื่อออนไลน์กันหมดก็ย่อมส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกตั้ง ทั้งตัว
                  ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งและผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือ สื่อออนไลน์จะเป็น
                  สื่อหลักของการสื่อสารทางด้านการเมืองของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยอาจจะส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลง
                  ของระบบเครือข่ายระบบอุปถัมภ์โดยตรง ในแง่ที่ว่าทุกคนสามารถเข้าถึงและรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง
                  ทางด้านด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมืองในพื้นที่อื่น ๆ  ความเติบโตของคนรุ่นใหม่ย่อมส่งผลต่อผู้ลงสมัคร
                  รับเลือกตั้ง หากทว่าทั้งหมดนี้นั้น ปัจจัยชี้ขาดสำาคัญหลักก็คือระบบการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ
                  ฉบับปี พ.ศ. 2560 ก็ย่อมมีผลต่อระบบนิเวศน์ทางการเมือง ทั้งความคิด ความหวัง ความฝัน และโอกาส
                  ที่จะเห็นว่าการเมืองในระบบรัฐสภาคือพื้นที่ของการต่อรองทางอำานาจที่มีประสิทธิภาพ และสามารถเป็น
                  พื้นที่หลักจะผลักดัน หนุนเสริมก่อให้เกิดสันติภาพในพื้นที่
                          ขอขอบคุณสถาบันพระปกเกล้า สำาหรับการให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและทีมเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ
                  ของโครงการนี้ทุกท่าน ที่กรุณาติดตามและประสานงานอย่างดีเยี่ยม
                          สุดท้าย ผู้วิจัยขอขอบคุณผู้ที่ให้ข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัด
                  ปัตตานี ผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ทั้งที่ได้รับเลือกตั้งและที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง สื่อมวลชน นักวิชาการ
                  ตัวแทนภาคประชาสังคม กลุ่มติดตามการเลือกตั้งและผู้ให้สัมภาษณ์ทั้งหมด
                                                                              ด้วยความนับถือ
                                                                              สามารถ ทองเฝือ
                                                                              เอกรินทร์ ต่วนศิริ
                                                                  คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
     	
