Page 12 - kpi15476
P. 12

1. หลักการและเหตุผล



                                  ในปัจจุบันมี 29 ประเทศในโลกที่มีระบอบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์

                            ทรงเป็นประมุขของประเทศ สำหรับประเทศไทยปัจจุบันนั้นการดำรงอยู่ของ
                            สถาบันกษัตริย์ในบริบทของสังคมตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบันตั้งอยู่บนเงื่อนไขของ
                            ความมีคุณธรรม และหลักธรรมาภิบาล ซึ่งตรงกับคติ “ธรรมราชา” หรือ

                            พระมหากษัตริย์ผู้ทำให้ประชาชนสุขใจโดยธรรม ซึ่งเป็นแนวความคิดธรรมา-
                            ภิบาลพุทธ อันมีที่มายาวนานกว่า 2,000 ปี โดยพระเจ้าอโศกมหาราช

                            ซึ่งปกครองชมพูทวีปในระหว่าง พ.ศ. 270 ถึง พ.ศ. 312 เป็นจักรพรรดิ์ที่เป็น
                            ธรรมราชาพุทธพระองค์แรกที่เป็นต้นแบบในการนำคำว่าธรรมราชามา
                            ขยายความในเชิงการเมืองการปกครอง โดยกำหนดให้การปกครองต้องอาศัย

                            “ธรรมะ” หรือความดีใน 3 ระดับ คือ ประการแรก พระมหากษัตริย์และ
                            ผู้ปกครองต้องประพฤติธรรม อาทิ ทศพิธราชธรรม เป็นต้น ประการที่สอง

                            พระมหากษัตริย์ต้องชักนำให้ราษฎรประพฤติธรรม และประการที่สาม
                            การเอาชนะประเทศต่างๆ ต้องชนะด้วย “ธรรม” หรือ “ธรรมวิชัย” ไม่ใช่ชนะ
                            ด้วยอาวุธ หรือ “ยุทธวิชัย” ซึ่งเมื่อประเทศไทยได้รับคติพุทธเข้ามาศรัทธา

                            และปฏิบัติ จึงได้รับคติธรรมราชาดังกล่าวมาด้วย และเป็นหลักธรรมาภิบาลของ
                            พระมหากษัตริย์ในการปกครองประเทศไทยมาตั้งแต่สุโขทัยจนถึงปัจจุบัน


                                  คติธรรมราชาของพระพุทธศาสนานี้ อาจเทียบเคียงได้กับคติราชาปราชญ์
                            ในอุดมคติของตะวันตก ซึ่งเพลโตได้อธิบายว่าเป็น “ผู้ปกครองซึ่งใช้ความรู้

                            ในการปกครองด้วยความเป็นธรรม” ราชาปราชญ์จึงเป็นการปกครองโดยผู้ที่มี
                            ความรู้ความสามารถและมีคุณธรรม ถ้าเทียบในปัจจุบันคือ ผู้ปกครองที่ได้ใช้
                            องค์ความรู้จากสาขาวิชาต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาในสังคม อย่างลึกซึ้ง

                            เชี่ยวชาญ และเฉพาะด้าน ด้วยทักษะและศิลปะวิทยาอย่างแท้จริง ซึ่งผู้ปกครอง
                            ที่ใช้ความรู้ความสามารถที่แท้จริงนั้นจะดำเนินการปกครองโดยอยู่บนพื้นฐาน

                            ของสันติสุขของมวลชน ไม่ปล่อยให้เกิดการทุจริตได้ และเปี่ยมไปด้วยความ
                            ยุติธรรม มีความรอบรู้ และด้วยความกระจ่างแจ้ง อย่างไรก็ตามคติธรรมราชา
                            และคุณธรรมในการปกครองของพระมหากษัตริย์ในตะวันตกย่อมมีความ

                            แตกต่างกับพระมหากษัตริย์ในประเทศตะวันออกไปตามสภาพบริบทของสังคม
                            แต่ที่เป็นจุดร่วมกันคือ “การปกครองเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกร”


                                  พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบ

                            สมบูรณาญาสิทธิราชย์พระองค์สุดท้าย และพระมหากษัตริย์ในระบอบ
                            ประชาธิปไตยพระองค์แรก ได้ทรงยึดมั่นในการปฏิบัติในแนวทางธรรมราชา
                            ตลอดรัชสมัย เช่น การทรงเลือกที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ และไม่ต่อสู้กับ

                            คณะราษฎร เพื่อมุ่งรักษาประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด
                            การสร้างสันติวิธีและธรรมาภิบาล ทรงริเริ่มส่งเสริมประชาธิปไตยโดยการวาง
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17