Page 9 - kpiebook66015
P. 9

ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติโดยไม่ให้แยกจากกันอย่างเด็ดขาดมากจนเกินไปเหมือน

               ระบบประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

                       ส่วนประเทศไทยเองนั้น ก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
               (รัฐธรรมนูญ ฯ พ.ศ. 2540) บริบทการเมืองไทยถือว่าประสบปัญหากับความไร้เสถียรภาพของรัฐบาล ดังนั้น

               การปฏิรูปการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจึงพยายามสร้างวางกลไกเพื่อให้รัฐบาลเข้มแข็งคล้ายกับ
               กลไกของประเทศฝรั่งเศส และยังสร้างองค์กรตรวจสอบการใช้อ านาจรัฐเพื่อควบคุมความชอบด้วยกฎหมาย

               และควบคุมความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ระบบการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ ฯ พ.ศ. 2540 กลับ
               ก่อให้เกิดปัญหาใหม่ซึ่งสะท้อนให้เห็นจุดอ่อนของระบบรัฐสภาที่ชัดเจน กล่าวคือ โดยธรรมชาติของระบบ

               รัฐสภานั้น ฝ่ายบริหารจะมาจากเสียงข้างมากของฝ่ายนิติบัญญัติ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ฝ่ายบริหารและ
               เสียงข้างมากในรัฐสภาจะอยู่ฝ่ายเดียวกัน ท าให้การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินอาจจะไม่มีประสิทธิภาพ
               ในความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีที่ฝ่ายบริหารมีเสียงข้างมากในรัฐสภาถึงขนาดที่พรรคฝ่ายค้านมีเสียง

               ไม่เพียงพอในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ และแม้ว่าที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่
               ประกาศใช้หลังจากรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 จะพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่การวางกลไกเพื่อแก้ปัญหามี

               ลักษณะเหมือนการพยายามท าปัญหาเรื่องการเมืองให้กลายเป็นเรื่องกฎหมายและให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งท าให้
               เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าท าให้ฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐสภา อ่อนแอลง อีกทั้งการแก้ปัญหาโดยท า

               ให้เรื่องการเมืองเป็นเรื่องกฎหมายนั้น จะท าให้เหลือทางออกเพียง “ใช่” กับ “ไม่ใช่” หรือ “ผิด” กับ “ถูก”
               ซึ่งขาดการประสานประโยชน์หรือท าให้เกิดสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

                       ด้วยเหตุนี้ งานวิจัยฉบับนี้จึงมุ่งศึกษาแนวทางในการไขปัญหาเรื่องของบกพร่องของการตรวจสอบ

               ถ่วงดุลในระบบรัฐสภาเพื่อน ามาปรับใช้กับกรณีของประเทศไทย โดยอยู่ภายใต้หลักการที่ว่า ท าอย่างไรให้
               รัฐสภาสามารถตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารได้อย่างแท้จริง (ซึ่งเป็นการให้ฝ่ายการเมืองที่มีจุดยึดโยงกับ

               ประชาชน ตรวจสอบเรื่องทางการเมืองด้วยวิธีการทางการเมือง) ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าการตรวจสอบนั้นจะต้อง
               ยังคงท าให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถด าเนินต่อไปได้ และน าเสนอข้อเสนอเพื่อเป็นทางออกส าหรับ

               การแก้ไขปัญหาเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารในระบบรัฐสภาในประเทศ
               ไทยด้วย เพื่อตอบค าถามว่า จะท ำอย่ำงไรให้เกิดกำรตรวจสอบถ่วงดุลระหว่ำงฝ่ำยนิติบัญญัติและฝ่ำยบริหำรได้

               อย่ำงแท้จริงในระบบรัฐสภำซึ่งก ำหนดให้นำยกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประมุขของฝ่ำยบริหำรมำจำกเสียงข้ำงมำกของ
               สภำผู้แทนรำษฎร หรือก็คือ เป็นระบบที่ท ำไห้ประมุขของฝ่ำยบริหำรและเสียงข้ำงมำกของสภำผู้แทนรำษฎร
               เป็น “พวกเดียวกัน”


               2. วัตถุประสงค์
                       2.1) เพื่อศึกษาการความสัมพันธ์ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติในเรื่องการ

               ตรวจสอบถ่วงดุลในประเทศไทย และต่างประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภา

                       2.2) เพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลของฝ่ายนิติ

               บัญญัติและฝ่ายบริหารในระบบรัฐสภาอย่างเหมาะสม








                                                                                                              8
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14