Page 367 - kpi17968
P. 367

356




                     แม้คำพิพากษาของศาลในหลายกรณีได้สร้างทางออกของภาวะทางตัน

               ในทางการเมือง เช่น กรณีการเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2549 ซึ่งทั้ง
               พรรคฝ่ายค้านและประชาชนกว่า 14 ล้านคนเห็นว่าไม่ชอบธรรมและศาลลงมา
               ตัดสิน ทำให้เปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่เป็นธรรมขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็น

               บทบาทสำคัญที่ศาลพยายามดำรงบทบาทในการแก้ไขปัญหาของประเทศมาโดย
               ตลอด แต่ดูเหมือนว่าสังคมในหลายส่วนจะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของศาล
               ในหลายกรณีมีลักษณะ “Double Standard” ปรากฏการณ์ “ตุลาการภิวัตน์”

               ในประเทศไทยที่ผ่านมา ไม่ใช่การตัดสินคดีความอย่างก้าวหน้า (Judicial activism)
               และไม่ใช่การตีความกฎหมายอย่างสร้างสรรค์ (Constructive Interpretation)
               เพราะ การตัดสินคดีความอย่างก้าวหน้าคือการที่ผู้พิพากษาพยายามใช้ และ

               ตีความกฎหมายอย่างสร้างสรรค์ เพื่อวินิจฉัยคดีให้เกิดผลไปในทางที่ขยาย
               ขอบเขตการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนออกไปมากขึ้น การตัดสินคดี
               ความอย่างก้าวหน้าจึงไม่ใช่การตัดสินคดีความเพื่อปราบปรามศัตรูทางการเมืองขั้ว

               ตรงข้าม ไม่ใช่การตัดสินคดีความเพื่อ “ปลด” นักการเมือง ไม่ใช่การตัดสินคดี
               ความเพื่อตามยุบพรรคการเมือง ไม่ใช่การตัดสินคดีความที่แทรกแซงเข้าไปใน
               เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอันเป็นอำนาจของรัฐบาลโดยแท้


                     ต่อมาเมื่อมีการรัฐประหารเกิดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้มี
               การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และคณะรัฐประหาร

               ได้ประกาศให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญฉบับเก่า เช่น ศาลรัฐธรรมนูญต้องถูก
               ยกเลิกไปทั้งหมด โดยได้จัดตั้งตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นมาโดยคำสั่งของคณะปฏิรูป
               การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)

               นอกจากนี้ ยังออกประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 กำหนดให้ พ.ร.บ.พรรคการเมือง
               ยังคงบังคับใช้ต่อไป และกรณีมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองพรรคใด ให้เพิกถอน
               สิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นระยะเวลา 5 ปีซึ่งจากนั้นเป็นต้น

               มาได้นำมาสู่การร้องให้มีการพิจารณายุบพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์
               และอีก 3 พรรค ได้แก่ พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคแผ่นดินไทย และ
               พรรคพัฒนาชาติไทย โดยผลของการพิจารณาพบว่า ได้มีการยกคำร้องที่ให้ยุบ

               พรรคประชาธิปัตย์ และมีคำสั่งให้ยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิในการเลือกตั้งของ







                   การประชุมกลุมยอยที่ 3
   362   363   364   365   366   367   368   369   370   371   372