Page 241 - kpi17527
P. 241
ประชาธิปไตยไทยในทศวรรษใหม่ 2559
อย่างไรก็ตามความชื่นชอบประชาธิปไตยของคนไทยยังคงมีอยู่และ
ไม่สูญหายไป เพราะจากรายงานการวิจัยเรื่องอนาคตประเทศไทยและการเมือง
ที่พึงปรารถนาของสถาบันพระปกเกล้า (2556) ที่ได้ศึกษาเพื่อหาแนวทาง
การเสริมสร้างความสมานฉันท์ในประเทศไทยโดยใช้กระบวนการเก็บข้อมูลจาก
ประชาชนที่มาจากการสุ่มตามความน่าจะเป็นทั่วประเทศและใช้วิธีประชาเสวนา
หาทางออก (deliberative forum) ในการรับฟังความคิดเห็นของกันและกันและ
เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ปรึกษาหารือ ไตร่ตรอง โดยมีการจัดทำหนังสือ
สรุปประเด็นที่เรียกว่า issue books ที่เสนอภาพอนาคตหลายภาพ เพื่อเป็น
ข้อมูลประกอบการเสวนา ร่วมกันหาทางออก ภาพอนาคตของประเทศไทย
ที่จัดทำขึ้นมาโดยนักวิชาการมีสี่ภาพ คือ เรื่องของการเป็นสังคมที่ยึดมั่นในหลัก
นิติธรรม เป็นสังคมที่มีธรรมาภิบาล เป็นสังคมเมตตาธรรม และสันติสุข พบว่า
ประชาชนชาวไทยต้องการเห็นประเทศไทยเป็นสังคมประชาธิปไตยแห่งความ
ปรองดองและสามัคคี ต้องการเห็นสังคมแห่งคุณธรรมและธรรมาภิบาลและ
ต้องการเห็นการปฏิรูปการเมืองระบบกลไกทางกฎหมายและการอำนวยความเป็น
ธรรมให้เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังอยากเห็นสังคมแห่งการเรียนรู้และการมีคุณภาพ 22
ชีวิตที่ดี ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่าประชาชนชาวไทยต้องการให้เกิดสังคมที่ประชาชน
ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ประเด็นที่น่าสนใจก็คือประชาชนมองว่าคนไทย
และนักการเมืองจำนวนหนึ่งขาดความซื่อสัตย์สุจริตและขาดความรับผิดชอบ
ขาดการทำงานแบบจิตอาสา และการให้อภัย ทำให้เกิดการไม่ยอมรับกติกา
มีการใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อประโยชน์เพื่อพวกพ้องของตน ประชาชนขาด
การมีส่วนร่วมทางการเมือง ขาดการตรวจสอบผู้บริหารซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ
การทุจริตของนักการเมือง การออกกฏหมาย บังคับใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของ
ตนเองและพวกพ้อง
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องสื่อมวลชนที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารโดยขาดความ
เป็นกลางและขาดการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องก่อนนำเสนอ จึงเป็นเงื่อนไขที่
ทำให้เกิดความขัดแย้ง จึงอยากจะเห็นผู้นำและประชาชนร่วมมือกันยึดประโยชน์
ส่วนรวมเป็นหลักเคารพกฎหมาย ลดอคติเปิดใจยอมรับและให้อภัยกันมากขึ้น
ซึ่งจะเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงต่อไป ทั้งนี้ประชาชนยังเห็น
ว่า ในเรื่องของการเมืองควรจะมีองค์กรกลางเพื่อทำหน้าที่ปฏิรูปทางการเมือง
สถาบันพระปกเกล้า

