Page 521 - kpi17968
P. 521
510
พร้อมที่จะทำหน้าที่ของมัน คือ “การเชือดเฉือนทุกอย่างให้ขาดสะบั้น” เหมือน
กับ “เปาบุ้นจิ้น” ที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา บนพื้นฐานของความถูกผิดที่ถูกต้อง
ไม่บิดเบือนไม่มีอคติ ไม่มีความลำเอียง ทุกอย่างเที่ยงตรง ซึ่งทั้งหมดนั้น
ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของภาครัฐเองว่า จะมีความสามารถในการที่จะทำให้
ประชาชนทั้งหลายมีความรู้ ความคิด จิตสำนึกเหมือนดังที่กล่าวมาแค่ไหน
โดยเฉพาะวิธีการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า
ได้มีวิธีการปลุกจิตสำนึกของนักเรียนนักศึกษาอย่างเป็นระบบ มากน้อยแค่ไหน
เพื่อที่จะให้บุคคลเหล่านั้นเติบโตขึ้นมาเป็นบัณฑิตที่มีทั้งความรู้และคุณธรรม และ
ที่สำคัญในกระบวนการเรียนรู้ โดยเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือการ
เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่บุคคลเหล่านั้นจะต้องเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถึงราก
ถึงแก่นของชีวิต คือ หลักของความไม่เที่ยง “กฎพระไตรลักษณะ” คือหลักอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา เพื่อที่จะให้บุคคลเหล่านั้นได้เข้าใจ ว่า ชีวิตมันมี (เกิดแก่เจ็บตาย)
หรือเกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรเปลี่ยนในท่ามกลาง และแตกดับสลายในที่สุด “ชีวิต
จะไม่อยู่ค้ำฟ้า” และสิ่งที่เรามีอยู่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ยศ บรรดาศักดิ์ เงินทอง
วัตถุสิ่งของมีค่าต่างๆ มากมาย ซึ่งเมื่อเราต้องตายไปแล้วก็ไม่สามารถที่เอาอะไร
ไปได้สักอย่าง ซึ่งเมื่อทุกคนคิดอย่างนี้ได้ ก็สามารถทำให้ลดการกอบโกยโกงกิน
ลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
เมื่อหลักของความไม่เที่ยง สามารถทำให้บุคคลคลายจากการยึดติดยึดมั่น
ในทุกสรรพสิ่งได้ และเมื่อประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ได้เข้าใจในความเป็นไปของ
ระบอบประชาธิปไตยได้เข้าใจในระบบนิติธรรม และเข้าใจในความเป็นไปของชีวิต
แล้ว ก็ย่อมจะรู้ถึงหน้าที่ของตนว่าการเป็นพลเมืองที่ดีควรทำอย่างไร การเป็นเจ้า
หน้าที่รัฐที่ดีควรทำอย่างไร
ดังนั้น ความรู้ ความคิด และจิตสำนึก รวมเรียกว่า (สัมมาทิฏฐิ) ย่อมมี
อิทธิพลต่อความเป็นไปของระบอบประชาธิปไตยและความเป็นนิติธรรม ในทุก
ด้านและในทุกมิติของระบบการปกครอง
บทความที่ผานการพิจารณา