Page 636 - kpi17968
P. 636
625
กับข้อกำหนดอย่างยิ่งฐานะประเทศที่เสนอให้มีข้อกำหนดดังกล่าว โดยตรา
“กฎหมายว่าด้วยทางเลือกแทนการคุมขังสำหรับผู้ต้องขังสตรี” ทั้งนี้เนื่องจาก
ในข้อกำหนดกรุงเทพฯ ข้อที่ 57 กล่าวว่า “บทบัญญัติของข้อกำหนดโตเกียว ต้อง
ให้แนวทางการพัฒนาและการใช้การตอบสนองที่เหมาะสมต่อผู้กระทำความผิด
หญิงต้องพัฒนาทางเลือกเฉพาะเพศหญิงในเรื่องมาตรการเบี่ยงเบนการเข้าสู่
กระบวนการทางศาลและทางเลือกอื่นๆ ในขั้นตอนก่อนการพิจารณาและในการ
ตัดสินพิพากษาภายใต้ระบบกฎหมายของ “ประเทศสมาชิก” โดยพิจารณาถึง
ประวัติของการตกเป็นเหยื่อของผู้กระทำความผิดหญิงจำนวนมากและภาระหน้าที่
ของพวกเธอในการดูแลครอบครัว” และในข้อที่ 64 ที่กล่าวว่า “ควรหลีกเลี่ยง
การใช้โทษจำคุกแก่ผู้ต้องขังหญิงที่ตั้งครรภ์หรือผู้ต้องขังหญิงซึ่งมีบุตรในวัยที่ยัง
ต้องพึ่งพาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” ประกอบกับข้อเท็จจริงทางสถิติพบว่า ผู้ต้อง
ขังหญิงในคดียาเสพติดมีจำนวนถึงร้อยละ 80 ของผู้ต้องขังหญิงทั้งหมด จึงควร
พิจารณาวิธีปฏิบัติเป็นกรณีเฉพาะสำหรับผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าว ทั้งนี้ควรแก้ไขเพิ่ม
เติมการลงโทษในประมวลกฎหมายอาญา เพื่อสร้างทางเลือกที่เหมาะสมด้วย
มาตรการไม่คุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องขัง ตามความเหมาะสม เพื่อให้
เป็นไปตาม ข้อที่ 60 ของข้อกำหนดฯ ที่วางแนวปฏิบัติไว้ว่า “ต้องสร้างทางเลือก
ที่เหมาะสมด้วยมาตรการไม่คุมขังผสมผสานกับกิจกรรมเพื่อแก้ไขฟื้นฟูสำหรับ
ผู้กระทำผิดหญิง”
นอกจากนี้การที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ร่วมกับ
กรมราชทัณฑ์ และกรมคุมประพฤติ จัดทำโครงการส่งเสริมให้มีเรือนจำต้นแบบ
ตามข้อกำหนดกรุงเทพฯ ซึ่งได้นำตัวชี้วัดที่ได้ดำเนินงานร่วมกับ Penal Reform
International (PRI) มาใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินเรือนจำภายในประเทศ
โดยคณะผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศร่วมกันพิจารณาและเฟ้นหาเรือนจำ
ต้นแบบดังกล่าว โดย ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการ
ยุติธรรมแห่งประเทศไทย โดยมอบประกาศนียบัตรให้แก่เรือนจำที่ผ่านเกณฑ์
การประเมินคือ เรือนจำอุทัยธานี เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2558 ณ สถาบัน
เพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นเรือนจำที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน
ตามข้อกำหนดกรุงเทพ ซึ่งมีเกณฑ์การประเมินมากถึง 165 ข้อ แบ่งเป็นนโยบาย
บทความที่ผานการพิจารณา