Page 637 - kpi17968
P. 637
626
เรือนจำ 21 ข้อ การรับลงทะเบียน 9 ข้อ สุขอนามัย 43 ข้อ ความมั่นคง
ปลอดภัย 22 ข้อ การติดต่อกับโลกภายนอก 17 ข้อ การจำแนกและปฏิบัติ
6 ข้อ ผู้ต้องขังลักษณะพิเศษ เช่น ผู้ต้องขังต่างชาติ 4 ข้อ ผู้ต้องขังชนกลุ่มน้อย
3 ข้อ ผู้ต้องขังระหว่างพิจารณา 4 ข้อ ผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์ 25 ข้อ การเตรียม
ความพร้อมก่อนปล่อย 11 ข้อ เป็นต้น ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับผู้ต้องขัง
หญิงในประเทศไทย อันจะเป็นต้นแบบให้กับผู้ต้องขังหญิงทั่วโลกได้ในอนาคต
เช่นกัน
นัทธี จิตสว่าง (2556) กล่าวถึง แนวทางการขับเคลื่อนข้อกำหนด
กรุงเทพฯ (Bangkok Rules) ไปสู่การปฏิบัติในงานราชทัณฑ์ของไทย ในประเด็น
การออกแบบเรือนจำหญิงสำหรับผู้ต้องขังหญิงก็คือ “...... บรรยากาศภายในเรือน
จำควรมีลักษณะที่เป็นธรรมชาติใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมข้างนอก เพราะใน
การคุมขังผู้ต้องขังหญิงเรื่องความมั่นคงปลอดภัยจะต่ำกว่าเรือนจำชาย นอกจากนี้
เรือนจำหญิงหลายแห่งมีการคุมขังผู้ต้องขังหญิงที่ควรควบคุมในลักษณะมั่นคงสูง
และความมั่นคงต่ำไว้ในเรือนจำเดียวกัน สำหรับเรือนจำหญิงที่มีระดับความมั่นคง
ต่ำ เช่นทัณฑสถานสถานเปิดอาจออกแบบในลักษณะเหมือนกับบ้านหลายหลัง
รวมอยู่ในบริเวณเดียวกันกับภายใต้รั้วล้อมรอบ ภายในบ้านจะมีต้องขังหญิง
อยู่ประมาณ 5-10 คน อยู่ดูแลจัดระเบียบ ตลอดจนทำความสะอาดกันเอง แต่
สิ่งสำคัญคือการออกแบบเรือนจำหญิง ต้องคำนึงถึงกิจกรรมที่จะแตกต่างกัน
ออกไปจากเรือนจำชาย.....” ส่วนประเด็นการสรรหาและพัฒนาบุคลากรที่ทำงาน
ในเรือนจำถือเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จในการปฏิบัติตามข้อกำหนดกรุงเทพฯ
(Bangkok Rules) ว่า “......ทัศนคติต่อผู้ต้องขังต่อการอบรมแก้ไขและต่อกระแส
สิทธิมนุษยชนสากล เพราะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในเรือนจำมานาน จะมีความ
คุ้นเคยกับพฤติกรรมของผู้ต้องขังและประกอบกับสภาพการขาดแคลนเครื่องมือ
ในการทำงานจนทำให้ต้องทำงานด้วยความยากลำบาก จะมีทัศนคติในทางลบต่อ
การผ่อนปรนให้สิทธิของผู้ต้องขัง โดยจะมองผู้ต้องขังในลักษณะเหมารวม
ไม่แยกแยะระหว่างพวกบัวใต้น้ำ กับบัวในโคลนตม การดำเนินใดๆ ในการ
ตอบสนองต่อการอนุวัติตามข้อกำหนดกรุงเทพ ส่วนใหญ่จึงเป็นการดำเนินการ
ตามหน้าที่เคยปฏิบัติเป็นงานประจำหรือทำตามตัวชี้วัด มากกว่าที่จะดำเนินการ
“ด้วยใจ” มุ่งมั่นการพัฒนาให้ผู้ต้องขังกลับสู่สังคม ซึ่งประการหลังนี้เป็นปัจจัยที่มี
บทความที่ผานการพิจารณา