Page 8 - kpi20863
P. 8
บทที่ 1
บทน ำ
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เป็นช่วงทศวรรษที่เกิดความเปลี่ยนแปลง
ขึ้นอย่างมากในสถาปัตยกรรมไทย ทั้งพัฒนาการวิชาชีพสถาปัตยกรรม แนวความคิดในการออกกฎหมาย
ควบคุมอาคารและการวางผังเมือง พัฒนาการในเทคนิควิทยาการก่อสร้าง ตลอดจนรูปแบบสถาปัตยกรรม
ประเภทต่างๆ ทั้งอาคารสาธารณะ อาคารพักอาศัย และศาสนสถาน ที่สะท้อนถึงบริบทของสังคมไทยที่
เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงเวลาเพียงสิบปีแห่งรัชสมัย การก่อตั้งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ขึ้น ณ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในพ.ศ. 2476 การตั้งสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในพ.ศ. 2477
ตลอดจนการเตรียมการออกกฎหมายควบคุมอาคาร เทศบาล และการวางผังเมือง ล้วนเป็นพระราชกรณียกิจ
ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เริ่มขึ้นในช่วงรัชสมัย ทว่ามีผลกระทบสืบเนื่องอย่างลึกซึ้งและ
ยาวนานมาจนปัจจุบัน
งานวิจัยเรื่อง พัฒนาการสถาปัตยกรรมในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2468
- พ.ศ. 2477) มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษางานสถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ให้เห็นพลวัตของความ
เปลี่ยนแปลง ทั้งในความต้องการเชิงหน้าที่ใช้สอย รูปแบบ ผู้ออกแบบ เทคนิควิทยาการก่อสร้าง โดยชี้ให้เห็น
ถึงบริบทของความเปลี่ยนแปลงในสังคมร่วมสมัย การขยายตัวของเมือง การก่อตัวของวิชาชีพสถาปัตยกรรม
ตลอดจนชีวิตเมืองสมัยใหม่ อันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเข้าสู่สมัยใหม่ (Modernization) ของสยาม
ข้อจ ากัดส าคัญในการศึกษาสถาปัตยกรรมในช่วงเวลาดังกล่าวที่ผ่านมา คือการผูกมัดความ
เปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง กับพัฒนาการในสถาปัตยกรรมไทย ท าให้ปีพ.ศ. 2475 กลายเป็นเส้น
แบ่งในจินตภาพของสถาปัตยกรรมก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สถาปัตยกรรรมในช่วงสิบปีแห่ง
รัชสมัยกลายเป็นเพียงภาพสะท้อนของ “อวสานแห่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์” ที่สืบเนื่องมาตั้งแต่รัชกาลก่อน
และต่างไปจาก “สถาปัตยกรรมคณะราษฎร” ในสมัยต่อมา อันเป็นลักษณะของทวิวิภาคเทียม (false
dichotomy) ที่ละเลยปัจจัยอื่นๆ อันเป็นบริบทของสถาปัตยกรรมในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวไปอย่างน่าเสียดาย
งานวิจัยเรื่องนี้หลีกเลี่ยงลักษณะทวิวิภาคเทียมดังกล่าว โดยให้สถาปัตยกรรมและความเปลี่ยนแปลง
ในสถาปัตยกรรมเป็นกรอบในการท าความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง
และวัฒนธรรมในช่วงรัชสมัย สถาปัตยกรรมช่วยสะท้อนให้เห็นพลวัตของสังคมในครั้งนั้นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ว่ามีความต่อเนื่องและความเปลี่ยนแปลงอย่างไร
1