Page 13 - kpi20863
P. 13
บทที่ 2
บริบทของสถาปัตยกรรมไทยในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
2.1 สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง
รัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2468 - พ.ศ. 2477) เป็นรัชสมัยที่สั้นที่สุด นับตั้งแต่เมื่อแรกสถาปนาพระราชวงศ์
จักรี ทั้งยังเป็นรัชกาลที่ระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้สิ้นสุดลง เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง
การปกครองไปสู่ระบอบใหม่ในปีพ.ศ. 2475 ตลอดจนเป็นรัชสมัยที่เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่่า เกิดการ “ดุลย
ภาพ” เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลังของชาติ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในรายละเอียด รัชกาลที่ 7 ก็เป็น
ช่วงเวลาที่สยามเข้าสู่สภาวะสมัยใหม่อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ อันเป็นผลจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก
ตลอดจนแนวทางในการพัฒนาพระราชอาณาจักรสยามของรัชกาลก่อนหน้า ตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระ
จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ
เกล้าเจ้าอยู่หัว ดังปรากฏในพัฒนาการทางสถาปัตยกรรมในประเทศไทยที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งสาม
รัชกาลดังกล่าวนั้น
2.1.1 เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของสยามในช่วงรัชกาลที่ 7 ระบบเศรษฐกิจไทยมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่ารัชกาลก่อนๆ แม้
สยามยังมิได้เข้าสู่กระบวนการผลิตแบบอุตสาหกรรม (Industrialization) อย่างเต็มรูปแบบ ทว่าอุตสาหกรรม
การเกษตรของสยามก็มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก ทั้งการผลิตข้าว ไม้สัก ยางพารา และ
ดีบุก โดยที่ในช่วงพ.ศ. 2433 - 2472 มูลค่าการส่งออกของผลิตภัณฑ์ทั้งสี่ชนิดทวีขึ้นจาก 47.4 ล้านบาท เป็น
1
103.2 ล้านบาท (2.17 เท่า) การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมส่งผลให้เมืองกรุงเทพฯ ทวีความส่าคัญในฐานะ
ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ เกิดการสร้างโรงสี โรงเลื่อย อู่ต่อเรือจ่านวนมาก อันเป็นผลจากการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจและการผลิตเพื่ออส่งออก นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในอุตสาหกรรมบางประเภทเพื่อการ
บริโภคในประเทศ เช่น โรงงานเบียร์ โซดา ยาสูบ ไม้ขีดไฟ เครื่องหนัง เป็นต้น ทั้งโดยทุนจากต่างประเทศและ
ทุนในประเทศ ซึ่งจ่านวนมากเป็นชนชั้นกลางเชื้อสายจีน
เมื่อรัชกาลที่ 7 (ภาพที่ 2-01) เสด็จขึ้นครองราชย์ในพ.ศ. 2468 นั้น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจสยาม
เริ่มประสบปัญหา โดยเฉพาะปัญหางบประมาณแผ่นดินขาดดุลต่อเนื่องกันถึงสี่ปีในช่วงปลายรัชกาลที่ 6 อัน
เป็นผลจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ปัญหาของมาตรฐาน
ทองค่า (Gold Standard) และการกีดกันทางการค้า ประกอบกับปัจจัยภายใน เช่น การใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
ในราชส่านัก ระบบราชการที่ขยายตัวใหญ่ขึ้น ประกอบกับงบประมาณในการลงทุนสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน
ที่สูง เช่น การสร้างทางรถไฟและการพัฒนาการชลประทาน เป็นต้น
6