Page 32 - kpiebook66015
P. 32
การสอบสวนข้อเท็จจริงเท่าที่จ าเป็นต่อการท างานของฝ่ายนิติบัญญัติมาให้แก่คณะกรรมาธิการด้วย โดยจะอยู่
43
ในรูปแบบอ านาจของการออกค าสั่งเรียกตัวบุคคล เอกสาร หรือพยานหลักฐาน
ทั้งนี้ การบัญญัติรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการท าหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการในรัฐสภา
ปรากฏอย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 โดยมาตรา 135 ได้บัญญัติถึงการ
ตั้งคณะกรรมาธิการในรัฐสภาทั้งคณะกรรมาธิการสามัญและคณะกรรมาธิการวิสามัญ และก าหนดอ านาจ
ในการออกค าสั่งเรียกเอกสารหรือบุคคลมาให้ข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็น ดังนี้
“สภำผู้แทนรำษฎรและวุฒิสภำมีอ ำนำจเลือกสมำชิกของแต่ละสภำตั้งเป็นคณะกรรมำธิกำรสำมัญ
และมีอ ำนำจเลือกบุคคลผู้เป็นสมำชิกหรือมิได้เป็นสมำชิก ตั้งเป็นคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญ เพื่อกระท ำกิจกำร
พิจำรณำสอบสวน หรือศึกษำเรื่องใด ๆ อันอยู่ในอ ำนำจหน้ำที่ของสภำ แล้วรำยงำนต่อสภำ มติตั้ง
คณะกรรมำธิกำรวิสำมัญดังกล่ำวต้องระบุกิจกำรหรือเรื่องให้ชัดเจนและไม่ซ้ ำหรือซ้อนกัน
คณะกรรมาธิการตามวรรคหนึ่งมีอ านาจออกค าสั่งเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใด
มาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระท าหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบสวนหรือศึกษาอยู่นั้นได้
และให้ค าสั่งเรียกดังกล่าวมีผลบังคับตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่ค ำสั่งเรียกเช่นว่ำนั้นมิให้ใช้บังคับกับผู้
พิพำกษำหรือตุลำกำรที่ปฏิบัติตำมอ ำนำจหน้ำที่ในกระบวนวิธีพิจำรณำพิพำกษำอรรถคดีหรือกำรบริหำรงำน
บุคคลของแต่ละศำล และมิให้ใช้บังคับกับผู้ตรวจกำรแผ่นดินหรือกรรมกำรในองค์กรอิสระตำมรัฐธรรมนูญ
ที่ปฏิบัติตำมอ ำนำจหน้ำที่โดยตรงในแต่ละองค์กรตำมรัฐธรรมนูญตำมบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือ
ตำมพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี
ในกรณีที่บุคคลตำมวรรคสองเป็นข้ำรำชกำร พนักงำน หรือลูกจ้ำงของหน่วยรำชกำร หน่วยงำนของรัฐ
รัฐวิสำหกิจ หรือรำชกำรส่วนท้องถิ่น ให้ประธำนคณะกรรมำธิกำรแจ้งให้รัฐมนตรีซึ่งบังคับบัญชำหรือก ำกับ
ดูแลหน่วยงำนที่บุคคลนั้นสังกัดทรำบและมีค ำสั่งให้บุคคลนั้นด ำเนินกำรตำมวรรคสอง เว้นแต่เป็นกรณีที่
เกี่ยวกับควำมปลอดภัยหรือประโยชน์ส ำคัญของแผ่นดิน ให้ถือว่ำเป็นเหตุยกเว้นกำรปฏิบัติตำมวรรคสอง”
และเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวของคณะกรรมาธิการมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นทั้งในเรื่องของ
อ านาจและแนวทางในการด าเนินการ จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติค าสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภา
ผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 ซึ่งก าหนดอ านาจของคณะกรรมาธิการในการออกค าสั่งเรียก และ
ก าหนดให้ผู้ที่ได้รับค าสั่งเรียกนั้นจะต้องมาตามค าสั่งเรียก โดยการออกค าสั่งดังกล่าวของคณะกรรมาธิการนั้น
จะต้องมีมติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนคณะกรรมาธิการเท่าที่มีอยู่ ดังที่บัญญัติในมาตรา 8 ดังนี้
“บุคคลที่ได้รับหนังสือขอให้ส่งเอกสำร หรือเชิญมำแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงควำมเห็นไม่จัดส่ง
เอกสำร หรือไม่มำแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงควำมเห็น ให้คณะกรรมำธิกำรออกค ำสั่งเรียกเอกสำรจำกบุคคล
นั้นหรือเรียกบุคคลนั้นมำแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงควำมเห็นด้วยตนเองต่อคณะกรรมำธิกำร โดยอำจขอให้
บุคคลนั้นน ำเอกสำร หรือวัตถุที่เกี่ยวข้องมำประกอบกำรพิจำรณำด้วยก็ได้
43 พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย, 2565, ปัญหาการท าหน้าที่ของคณะกรรมาธิการในการแสวงหาข้อเท็จจริง ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 : ศึกษาเปรียบเทียบการท าหน้าที่ของคณะกรรมาธิการในประเทศสหรัฐอเมริกา หน้า 34
31