Page 175 - kpi12626
P. 175

ภาคผนวก 2
                          การสร้างดัชนีชี้วัดฐานะทางการเงินรวม
                   และการจัดล าดับควอไทล์ค่าดัชนีรวมในระดับจังหวัด
         เนื่องจากอัตราส่วนทางการเงินแต่ละตัวดังที่ได้น าเสนอในบทที่ 3 ถึง 6 มีหน่วยนับและการตีความหมาย
  รายจ่ายมีหน่วยเป็นค่าร้อยละ หรือมูลค่าสินทรัพย์ถาวรต่อประชากรมีหน่วยเป็นบาท เป็นต้น การที่อัตราส่วน
  ทางการเงินแต่ละตัวมีหน่วยต่างกันส่งผลให้การน าค่าอัตราส่วนแต่ละตัวมาพิจารณาเปรียบเทียบหรือนับรวมเข้า
  ด้วยกันจึงไม่สามารถกระท าได้อย่างตรงไปตรงมา ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจ าเป็นที่จะต้องแปลงค่าอัตราส่วนเหล่านี้
  ให้อยู่ในฐานเดียวกันในรูปของค่าดัชนี (unit-free index value) ก่อนในล าดับแรก ต่อมาจึงน ามาหาค่าเฉลี่ยของ
  ดัชนีรวมทั้ง 4  มิติ แล้วจึงน าค่าเฉลี่ยของดัชนีรวมในแต่ละมิติมาจัดเรียงล าดับควอไทล์ (quartile  rank) เพื่อให้
  สามารถมองเห็นภาพรวมฐานะทางการเงินของเทศบาลในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศได้ชัดเจน
         ดัชนีอัตราส่วนทางการเงินสร้างขึ้นจากหลักการในการจัดล าดับข้อมูลจากข้อมูลที่มีค่าต ่าไปหาค่าสูงหรือ
      ที่แตกต่างกัน  อาทิ อัตราส่วนทุนหมุนเวียนมีหน่วยเป็นเท่าของหนี้สินหมุนเวียน ระดับเงินสะสมต่องบประมาณ
  จากค่าสูงไปหาค่าต ่า เพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบค่าสูงต ่าในเชิงสัมพัทธ์ (relative) ภายในชุดของข้อมูลที่อยู่ใน
  ความสนใจ ในการสร้างค่าดัชนีครั้งนี้ก าหนดให้มีค่าอยู่ระหว่าง 0  ถึง 1  โดยถ้าหากค่าดัชนีของอัตราส่วนทาง
          1   การวิเคราะห์ฐานะทางการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น:
  การเงินของเทศบาลแห่งหนึ่งมีค่าเท่ากับ 0 หมายความว่าเทศบาลแห่งนั้นๆ มีค่าอัตราส่วนทางการเงินนั้นในล าดับ
          คู่มือสำหรับนักบริหารงานท้องถิ่นในยุคใหม่
  ต ่าที่สุด (หรือมีค่าน้อยที่สุด) เมื่อเทียบกับค่าอัตราส่วนทางการเงินของเทศบาลแห่งอื่นๆ ในกลุ่มตัวอย่าง ในทาง
                      อนึ่ง เนื่องจากอัตราส่วนทางการเงินทั้ง 4 มิติประกอบไปด้วยดัชนี
  กลับกัน หากค่าดัชนีของอัตราส่วนทางการเงินของเทศบาลแห่งหนึ่งที่มีค่าเท่ากับ 1  หมายความว่าค่าอัตราส่วน
                ชี้วัดทั้งหมด 17 ตัว ซึ่งมีทิศทางการเรียงตัวของข้อมูลที่แตกต่างกันใน
                2 ลักษณะได้แก่ ข้อมูลเรียงตัวจากน้อยไปหามาก (ค่ายิ่งสูงสะท้อนถึงฐานะ
  ทางการเงินของเทศบาลแห่งนั้นอยู่ในล าดับสูงที่สุด (หรือมีค่าสูงที่สุด) เมื่อเทียบกับเทศบาลกลุ่มตัวอย่าง
                ทางการเงินที่เข้มแข็ง) และข้อมูลเรียงตัวจากมากไปหาน้อย (ค่ายิ่งสูง
         อนึ่ง เนื่องจากอัตราส่วนทางการเงินทั้ง 4  มิติประกอบไปด้วยดัชนีชี้วัดทั้งหมด 17  ตัว ซึ่งมีทิศทางการ
                สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่อ่อนแอ) การสร้างดัชนีจากอัตราส่วนทาง
  เรียงตัวของข้อมูลที่แตกต่างกันใน 2 ลักษณะได้แก่ ข้อมูลเรียงตัวจากน้อยไปหามาก (ค่ายิ่งสูงสะท้อนถึงฐานะทาง
                การเงินแต่ละตัวจึงต้องปรับให้ค่าดัชนีทั้งหมดอยู่ในฐานและทิศทางเดียวกัน
  การเงินที่เข้มแข็ง) และข้อมูลเรียงตัวจากมากไปหาน้อย (ค่ายิ่งสูงสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่อ่อนแอ) การสร้าง
                ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
  ดัชนีจากอัตราส่วนทางการเงินแต่ละตัวจึงต้องปรับให้ค่าดัชนีทั้งหมดอยู่ในฐานและทิศทางเดียวกัน ดังมี
                      (1) ข้อมูลมีการเรียงตัวจากต่ำไปสูง (ascending ratio) ซึ่งถ้าหากมีค่า
  รายละเอียดต่อไปนี้
                อัตราส่วนที่สูงจะมีความหมายในทางบวกหรือเป็นค่าที่พึงประสงค์ อาทิ
         (1) ข้อมูลมีการเรียงตัวจากต ่าไปสูง (ascending ratio) ซึ่งถ้าหากมีค่าอัตราส่วนที่สูงจะมีความหมายใน
                อัตราส่วนทุนหมุนเวียน อัตราส่วนเงินสด ระดับรายจ่ายรวมต่อประชากร
                ระดับเงินสะสมต่อขนาดของงบประมาณ ฯลฯ เป็นต้น ค่าดัชนีอัตราส่วน
  ทางบวกหรือเป็นค่าที่พึงประสงค์ อาทิ อัตราส่วนทุนหมุนเวียน อัตราส่วนเงินสด ระดับรายจ่ายรวมต่อประชากร
                ทางการเงินในกลุ่มนี้คำนวณได้จาก
  ระดับเงินสะสมต่อขนาดของงบประมาณ ฯลฯ เป็นต้น ค่าดัชนีอัตราส่วนทางการเงินในกลุ่มนี้ค านวณได้จาก

                                                   X 
                                                    i
                                Ascending Index =   Max  Min
                                                        Min

         (2) ข้อมูลมีการเรียงตัวจากสูงไปต ่า (descending ratio) ซึ่งถ้าหากมีค่าอัตราส่วนที่สูงจะมีความหมาย
                      (2) ข้อมูลมีการเรียงตัวจากสูงไปต่ำ (descending ratio) ซึ่งถ้าหากมีค่า
  ในทางลบหรือเป็นสภาวะที่ไม่พึงประสงค์ อาทิ สัดส่วนลูกหนี้ภาษีคงค้างต่อภาษีที่ท้องถิ่นจัดเก็บ ภาระหนี้ระยะ
                อัตราส่วนที่สูงจะมีความหมายในทางลบหรือเป็นสภาวะที่ไม่พึงประสงค์
  ยาวต่อรายได้รวม จ านวนประชากรต่อพนักงานท้องถิ่น ฯลฯ เป็นต้น ค่าดัชนีอัตราส่วนทางการเงินในกลุ่มนี้
                อาทิ สัดส่วนลูกหนี้ภาษีคงค้างต่อภาษีที่ท้องถิ่นจัดเก็บ ภาระหนี้ระยะยาว
  ค านวณได้จาก    ต่อรายได้รวม จำนวนประชากรต่อพนักงานท้องถิ่น ฯลฯ เป็นต้น ค่าดัชนี

                อัตราส่วนทางการเงินในกลุ่มนี้คำนวณได้จาก

  วีระศักดิ์ เครือเทพ                              Max   X                            หน้า 92
                                Descending Index =         i
                                                  Max   Min

  โดยที่ค่า X หมายถึงค่าอัตราส่วนทางการเงินของเทศบาลแห่งที่ i; ค่า i หมายถึงเทศบาลแห่งที่ 1, 2, 3, …, n;

  ค่า Min หมายถึงค่าต ่าสุดของอัตราส่วนทางการเงินของเทศบาลกลุ่มตัวอย่าง; และค่า Max หมายถึงค่าสูงสุดของ
  อัตราส่วนทางการเงินของเทศบาลกลุ่มตัวอย่าง

         ขั้นต่อมาเป็นการสร้างดัชนีรวม (Composite Index) โดยการน าค่าดัชนีอัตราส่วนทางการเงินแต่ละตัวมา
  ผนวกเข้าด้วยกันโดยใช้วิธีหาค่าเฉลี่ย (geometric mean) เพื่อให้มองเห็นถึงภาพรวมของผลการด าเนินงานด้าน

  การเงินของเทศบาลแต่ละมิติได้ชัดเจนมากขึ้น การค านวณค่าดัชนีรวม (composite index) มีรายละเอียดดังนี้


                            Composite Index =  FI   FI ...  FI
                                              j
                                                                j
                                                       2
                                                  1

  โดยที่ FI คือ Financial Index หมายถึงดัชนีอัตราส่วนทางการเงินแต่ละตัวของเทศบาล; ค่า j หมายถึงอัตราส่วน
  ทางการเงินตัวที่ 1, 2, 3, …, 17 ซึ่งท้ายที่สุด จะได้ค่าดัชนีรวมจ านวน 4 ด้านตามกรอบการวิเคราะห์ฐานะทาง
  การเงินของท้องถิ่น ได้แก่ (1) ดัชนีรวมด้านสภาพคล่องทางการเงิน (Cash Solvency Composite Index: CI1)

  (2) ดัชนีรวมด้านความยั่งยืนทางงบประมาณ (Budget  Solvency  Composite  Index:  CI2)  (3)  ดัชนีรวมด้าน

  ความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว (Long-Term  Solvency  Composite  Index:  CI3) และ (4)  ดัชนีรวมด้าน
  ความเพียงพอของการให้บริการสาธารณะ (Service-Level Solvency Composite Index: CI4)

         พึงสังเกตว่าผู้เขียนไม่น าดัชนีรวมของอัตราส่วนทางการเงินทั้งหมด 4 ด้านมารวมเข้าด้วยกันเพราะว่าผล

  วิเคราะห์ฐานะการเงินทั้ง 4 ด้านมีฐานคิดที่แตกต่างกัน และบางครั้งให้ความหมายที่สวนทางกันดังที่ได้น าเสนอไว้
  แล้วในเนื้อหาบทที่ 3 ถึง 6 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ การรวมค่าดัชนีทุกด้านเข้าด้วยกันส่งผลให้ไม่สามารถแยกแยะผล

  การด าเนินงานทางการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้านต่างๆ ออกจากกัน ท าให้ผู้บริหารท้องถิ่นไม่
  สามารถก าหนดมาตรการส่งเสริมศักยภาพในการบริหารการเงินการคลังให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้

         ส าหรับขั้นตอนสุดท้าย ได้แก่การหาค่าเฉลี่ยของดัชนีรวมอัตราส่วนทางการของเทศบาลในแต่ละจังหวัด
  จากนั้นจึงน ามาจัดกลุ่มในรูปของล าดับควอไทล์ (quartile rank) ผลการวิเคราะห์ดัชนีรวมของเทศบาลจ าแนกราย

  จังหวัด พร้อมทั้งสถิติที่ส าคัญของดัชนีรวมแสดงดังตารางที่ ผ4 และ ผ5 ตามล าดับดังนี้


  ตารางที่ ผ4 ค่าเฉลี่ยและควอไทล์ของดัชนีรวมอัตราส่วนทางการเงินทั้ง 4 ด้านของเทศบาลกลุ่มตัวอย่างระดับจังหวัด
             สถิติส าคัญ             ดัชนีรวม CI1   ดัชนีรวม CI2   ดัชนีรวม CI3   ดัชนีรวม CI4
  จ านวนจังหวัด (N)                     75             75             75             75
  ค่าเฉลี่ย (Mean)                     0.0741        0.0843         0.2242         0.1290

  ค่าต ่าสุด (Minimum)                 0.0236        0.0555        0.0000001       0.0730
  ค่าสูงสุด (Maximum)                  0.2904        0.1330         0.6414         0.2908
                            th
                   จุดแบ่ง P 25        0.0516        0.0788         0.1188         0.1026
  ค่าควอไทล์       จุดแบ่ง P 50        0.0646        0.0846         0.2319         0.1197
                            th
  (quartile rank)
                            th
                   จุดแบ่ง P 75        0.0901        0.0899         0.2942         0.1504



  วีระศักดิ์ เครือเทพ                                                                  หน้า 93
   170   171   172   173   174   175   176   177   178   179   180