Page 174 - kpi12626
P. 174
การวิเคราะห์ฐานะทางการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: 1 3
ภาคผนวก 2
การสร้างดัชนีชี้วัดฐานะทางการเงินรวม
และการจัดลำดับควอไทล์ค่าดัชนีรวม
ในระดับจังหวัด
เนื่องจากอัตราส่วนทางการเงินแต่ละตัวดังที่ได้นำเสนอในบทที่ 3 คู่มือสำหรับนักบริหารงานท้องถิ่นในยุคใหม่
ถึง 6 มีหน่วยนับและการตีความหมายที่แตกต่างกัน อาทิ อัตราส่วน
ทุนหมุนเวียนมีหน่วยเป็นเท่าของหนี้สินหมุนเวียน ระดับเงินสะสมต่อ
งบประมาณรายจ่ายมีหน่วยเป็นค่าร้อยละ หรือมูลค่าสินทรัพย์ถาวร
ต่อประชากรมีหน่วยเป็นบาท เป็นต้น การที่อัตราส่วนทางการเงินแต่ละตัว
มีหน่วยต่างกันส่งผลให้การนำค่าอัตราส่วนแต่ละตัวมาพิจารณาเปรียบเทียบ
หรือนับรวมเข้าด้วยกันจึงไม่สามารถกระทำได้อย่างตรงไปตรงมา ด้วยเหตุนี้
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องแปลงค่าอัตราส่วนเหล่านี้ให้อยู่ในฐานเดียวกันใน
รูปของค่าดัชนี (unit-free index value) ก่อนในลำดับแรก ต่อมาจึงนำมาหา
ค่าเฉลี่ยของดัชนีรวมทั้ง 4 มิติ แล้วจึงนำค่าเฉลี่ยของดัชนีรวมในแต่ละมิติ
มาจัดเรียงลำดับควอไทล์ (quartile rank) เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพรวม
ฐานะทางการเงินของเทศบาลในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศได้ชัดเจน
ดัชนีอัตราส่วนทางการเงินสร้างขึ้นจากหลักการในการจัดลำดับข้อมูล
จากข้อมูลที่มีค่าต่ำไปหาค่าสูงหรือจากค่าสูงไปหาค่าต่ำ เพื่อให้เกิดการ
เปรียบเทียบค่าสูงต่ำในเชิงสัมพัทธ์ (relative) ภายในชุดของข้อมูลที่อยู่ใน
ความสนใจ ในการสร้างค่าดัชนีครั้งนี้กำหนดให้มีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 โดย
ถ้าหากค่าดัชนีของอัตราส่วนทางการเงินของเทศบาลแห่งหนึ่งมีค่าเท่ากับ 0
หมายความว่าเทศบาลแห่งนั้นๆ มีค่าอัตราส่วนทางการเงินนั้นในลำดับ
ต่ำที่สุด (หรือมีค่าน้อยที่สุด) เมื่อเทียบกับค่าอัตราส่วนทางการเงินของ
เทศบาลแห่งอื่นๆ ในกลุ่มตัวอย่าง ในทางกลับกัน หากค่าดัชนีของอัตราส่วน
ทางการเงินของเทศบาลแห่งหนึ่งที่มีค่าเท่ากับ 1 หมายความว่าค่าอัตราส่วน
ทางการเงินของเทศบาลแห่งนั้นอยู่ในลำดับสูงที่สุด (หรือมีค่าสูงที่สุด)
เมื่อเทียบกับเทศบาลกลุ่มตัวอย่าง