Page 434 - kpi17968
P. 434
423
นอกจากสื่อออนไลน์ที่มามีบทบาทอย่างรวดเร็วในการตรวจสอบความโปร่งใส
ในกระบวนการยุติธรรม ในกลไกของประเทศไทยมีกลไกที่เข้ามาตรวจสอบและ
ให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาที่อาจกลายเป็นเหยื่อในกระบวนการยุติธรรมได้ แม้
บางครั้งผู้ทำหน้าที่นี้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นทนายโจรหรือช่วยคนทำความผิดก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่น บทบาทของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตั้งแต่ปี 2542
และรวมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพของหน่วยงานด้านความยุติธรรม ทั้งการ
ทำงานของกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรมที่เฝ้าพยายามนำหลักการ
ด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีอยู่ด้วยกันถึง 7 ฉบับ ได้แก่
(1) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
- ICESCR (2) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
- ICCPR (3) อนุสัญญาฯ ว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ
- CERD (4) ปฏิญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
- CEDAW (5) อนุสัญญาฯ ว่าด้วยสิทธิเด็ก - CRC (6) อนุสัญญาฯ ต่อต้าน
การทรมานและการปฏิบัติอื่นหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยี
ศักดิ์ศรี - CAT และ (7) อนุสัญญาฯ สิทธิผู้พิการ หลักการในกฎหมาย
สิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเหล่านี้ถูกนำมาเป็นหลักการในการปฏิบัติให้
สอดคล้องโดยความพยายามในการประสานความรู้ความเข้าใจกับหน่วยงานรัฐ
อื่นๆ เช่น ทหาร ตำรวจ อัยการ ราชทัณฑ์ แต่ก็นับว่าสิ่งที่ยังขาดและยังต้องการ
พัฒนาปรับปรุงนั้นได้แก่การขยายประสิทธิภาพการให้ความช่วยเหลือทาง
กฎหมายต่อประชาชนทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหาอย่างพอเพียงและมีประสิทธิภาพ
ยิ่งหากประเทศมีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษและอยู่ท่ามกลางบรรยากาศ
ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จากประสบการณ์ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนในมูลนิธิผสาน
วัฒนธรรม โดยเฉพาะคดีในพื้นที่ความขัดแย้งชายแดนใต้ที่ประกาศใช้กฎอัยการ
ศึกมาแล้ว 10 ปี โดยเทียบเคียงขณะนี้ประเทศถูกปกครองโดยรัฐทหาร รัฐบาล
มาจากการรัฐประหาร แม้ว่าจะมีการอ้างอิงถึงคำสั่งประกาศรัฐธรรมนูญฉบับ
ชั่วคราวที่ใช้กันอยู่ แต่พื้นฐานไม่ได้มาจากประชาชน เราในฐานะประชาชน
ในประเทศนี้ต้องเคารพสิ่งเหล่านั้นเหมือนเป็นกฎหมาย ก็เลยมีสิ่งทีเรียกว่า
“ความขัดกันในหลักการด้านสิทธิมนุษยชน” แม้ทางการจะอ้างอิงว่าได้ดำเนินการ
ทุกอย่างตามกฎหมาย
การประชุมกลุมยอยที่ 4