Page 152 - kpi20686
P. 152

ห น้ า  | 142


                       คณะกรรมาธิการท าให้งบประมาณของคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไม่
                       เพียงพอ
                                3. แนวทางแก้ไขในเรื่องของความเป็นอิสระด้านงบประมาณจึงควรที่จะเปลี่ยนลักษณะ
                       การตั้งค าของบประมาณควรเป็นการตั้งเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นรายก้อนโดยอิงกับ จ านวนร้อย

                       ละของงบประมาณรายจ่ายประจ าปีเช่นร้อยละ 0.3 หรือร้อยละ 0.1 ของงบประมาณรายจ่าย
                       ประจ าปีเป็นต้น
                                4. ปัญหาเรื่องขวัญก าลังใจของการท างานของบุคลากรในส านักงานตรวจเงินแผ่นดินและ
                       คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งพบว่าอัตราเงินเดือนและ

                       ผลตอบแทนของข้าราชการที่ท างานในหน่วยงานทั้งสองเป็นไปผูกกับ ฐานเงินเดือนของข้าราชการ
                       ประจ าทั่วไป ซึ่งท าให้เกิดแรงจูงใจในการท างานที่น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับบุคลากรที่อยู่ใน
                       กระบวนการยุติธรรมในลักษณะเดียวกันเงินเดือนค่าตอบแทนของข้าราชการในส านักงาน
                       คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและส านักงานตรวจเงินแผ่นดินจัดไม่เท่าเทียมกับ

                       พนักงานสอบสวนอัยการศาลหรือแม้กระทั่งกรรมการในคณะกรรมการกฤษฎีกา
                                5. เรื่องอ านาจหน้าที่ตามกฎหมายพบว่าส านักงานตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อพบการทุจริตหรือ
                       การกระท าผิดในเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณหรือการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่ถูกตามขั้นตอนหรือการ

                       เบิกจ่ายงบประมาณที่ไม่คุ้มค่า ส านักงานตรวจเงินแผ่นดินไม่ใช่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธี
                       พิจารณาความอาญาดังนั้นจึงไม่มีอ านาจในการที่จะด าเนินคดีแม้จะพบความผิดซึ่งหน้าหากแต่จะต้อง
                       ท าเรื่องรายงานเสนอต้นสังกัดและเสนอ  ปปช.ซึ่งการด าเนินการดังกล่าวมักพบว่ารายงานที่ท าให้
                       เสนอบ่อยครั้งที่หน่วยงานต้นสังกัดและคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
                       ด าเนินการต่อเป็นไปอย่างราบช้าส่งผลให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่สามารถยับยั้งได้ในขณะที่พบเห็น

                       การกระท าผิด
                                6. ในด้านการด าเนินการตรวจสอบภายในองค์กร เมื่อพบการกระท าผิด สตง.หรือ
                       ส านักงานส านักงานตรวจเงินแผ่นดิน แม้จะชี้แจงหรือท ารายงานเสนอผู้บังคับบัญชาในต้นสังกัดของ

                       ผู้กระท าผิดทราบในทางปฏิบัติพบว่าแม้จะรายงานไปแล้วในบางกรณีต้นสังกัดก็ตั้งคณะกรรมการ
                       ด าเนินการทางวินัยซ้ าซ้อนและการด าเนินการทางวินัยบ่อยครั้งใช้เวลานานมากและมีผลการสอบ
                       อาจจะตรงข้ามกับรายงานของสตงเพราะฉะนั้นองค์กรอิสระหรือการด าเนินงานของส านักงานตรวจ
                       เงินแผ่นดินจึงไม่สามารถที่จะบรรลุเป้าหมายตามที่รัฐธรรมนูญได้ชี้ไว้

                                7. ในบริบทการเมืองการปกครองของไทยมีความแตกต่างจากการเมืองการปกครองกับ
                       ประเทศอื่น นับตั้งแต่ทศวรรษ 2540 เป็นต้นมา การแทรกแซงทางการเมืองต่อองค์กรอิสระทาง
                       การเมืองของนักการเมืองและพรรคการเมืองปรากฎควบคู่ไปกับการเกิดขึ้นขององค์กรอิสระทาง
                       การเมือง รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เป็นต้นมา ให้ความส าคัญกับการลดบทบาทของพรรคการเมืองใน

                       การเข้ามามีส่วนร่วมในการสรรหาผู้ด ารงต าแหน่งในองค์กรอิสระในมิติต่าง ๆ รวมถึงการก าหนด
                       คุณสมบัติของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมืองแตกต่างไปจากเดิม ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดการแทรกแซงทาง
                       การเมืองดังกล่างของนักการกเมือง โดยมีความเชื่อว่าความเป็นอิสระของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง
                       จะเป็นปัจจัยส าคัญในการท าให้กระบวนการตรวจสอบการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยเฉพาะอย่าง

                       ยิ่งการทุจริตในเชิงนโยบายของนักการเมืองลดลง
   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157