Page 169 - 22373_Fulltext
P. 169

3.9.3 ปัญหาและการแก้ปัญหาที่สะท้อนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

                          1) ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเด็กมีการขับเคลื่อนเกี่ยวกับเด็ก เช่น โรงเรียน โดยเฉพาะผู้บริหารจาก
                กระทรวงศึกษาธิการที่เน้นเรื่องของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน พัฒนาระบบฐานข้อมูล โดยเทศบาลท้าหน้าที่
                ในการสนับสนุน ติดตาม เทศบาลมีงานกิจกรรมเด็กและเยาวชนอยู่ในส้านักงานศึกษา เป็นงานส่งเสริมเด็กโดย

                ทั่ว ๆ ไป และงานครูสอนเด็กด้อยโอกาสที่ท้างานเฉพาะกรณี รวมถึงมีฝ่ายสวัสดิการเด็กหรือสภาเด็กที่อยู่ในกอง
                สวัสดิการซึ่งยังมีปัญหาว่า “ต่างคนต่างท้างาน” ท้าให้ผู้ปฏิบัติยังมองไม่เห็นภาพรวม และยังไม่ได้มีการ

                แลกเปลี่ยนข้อมูลหรือกิจกรรมระหว่างกัน หากมีกิจกรรมที่ช่วยมาก้าหนดกรอบก็จะสามารถบูรณาการเชื่อมกัน
                ได้ เพื่อให้เทศบาลสามารถขับเคลื่อนไปในกรอบที่ก้าหนด มีทิศทางที่ทุกคนมีความเข้าใจเป้าหมาย

                          2) ปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษา จากการท้าหน้าที่ของครูเด็กด้อยโอกาส ท้าหน้าที่ในสองส่วน

                ส่วนแรกลงพื้นที่ส้ารวจเด็กกลุ่มด้อยโอกาส ส่วนที่สองประสานกับโรงเรียนของเด็กด้อยโอกาสที่อยู่ในระบบเพื่อ
                ขอรับทุนการศึกษา โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ด้าเนินการมาประมาณ 3 ปี ซึ่งในการลงพื้นที่นั้น หากจะ
                ให้เด็กด้อยโอกาสได้รับการช่วยเหลือ โดยส่วนใหญ่หากเด็กไม่เดือดร้อน เด็กจะไม่ให้ความร่วมมือกับครูเด็ก-

                ด้อยโอกาส โดยปัญหาเด็กที่พบ ได้แก่

                             2.1) เด็กอาจจะมีพฤติกรรมติดเกม ผู้ปกครองที่ไม่ส่งบุตรหลานเข้าเรียน จะไม่บังคับบุตรหลาน
                ให้เข้าเรียนอย่างจริงจัง แม้จะน้าข้อกฎหมายมาบังคับ นอกจากนี้เทศบาลยังประสานกับองค์การบริหารส่วน
                จังหวัด หากเทศบาลแจ้ง อบจ.จะลงพื้นที่ทันที ในขณะนี้มีการประสานงานกัน หากมีกรณีของเด็กที่เสี่ยงจาก

                พฤติกรรมในครอบครัว นอกจากนี้ครูด้อยโอกาสยังประสานงานกับสวัสดิการ หลังจากนั้นจะประสานกับ อบต.
                ในพื้นที่เพื่อเข้าไปดูเด็ก โดยแต่ละแห่งที่ลงไปจะท้างานร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

                ของกรมส่งเสริมพัฒนาศักยภาพครูและเด็ก

                             หลังจากลงส้ารวจพื้นที่แล้วในเบื้องต้น กรมฯ ได้วางเป้าหมายให้ในพื้นที่เทศบาล 24 คน ซึ่ง
                ในขณะนี้ได้ส้ารวจไปแล้วในรอบแรกมีจ้านวน 7 คน พบว่ามีเด็กพิการซ้้าซ้อน มีปัญหาทั้งในเรื่องของแขน ขา

                และการพูดและอยู่นอกระบบการศึกษา อย่างไรก็ตามเด็กยังไม่ยอมไปเรียนการศึกษาพิเศษ ด้วยเพราะเด็กยังติด
                ผู้ปกครอง ดังนั้นเทศบาลจึงต้องให้ครูเด็กพิเศษลงไปท้าความคุ้นเคยเพื่อให้เด็กรู้จักมากขึ้น “เพื่อให้เข้าถึง
                เขาถึงจะเปิดใจ” โดยอาจจะต้องมีการลงพื้นที่บ่อยครั้งขึ้น ขณะนี้ได้ลงไป 3 ครั้ง เด็กเริ่มมีความคุ้นเคย

                             2.2) เด็กที่ออกจากโรงเรียนกลางคัน โดยเด็กไม่ได้มีพฤติกรรมเกเร เพียงแต่อุปนิสัยส่วนตัว

                ติดออนไลน์ เมื่อขาดเรียนจึงเกิดความอายท้าให้ไม่ต้องการไปโรงเรียน เด็กจึงขาดเรียนไปโดยปริยาย ไม่ใช่            การวิจัยขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นกลไกลดความเหลื่อมล ้าทางด้านการศึกษา
                ความผิดของผู้ปกครองกับโรงเรียน แต่เกิดจากตัวเด็กเอง ที่เทศบาลรับทราบกรณีนี้เพราะเด็กไปท้าเรื่องลาออก
                จากโรงเรียนในสังกัด หลังจากนั้นเด็กเล่นอินเตอร์เน็ตไปเจอเพื่อน เพื่อนทักมาว่าโรงเรียนเปิดเทอมแล้ว ท้าให้

                เด็กอยากกลับไปเรียน จึงหาวิธีที่จะกลับไปโดยได้แจ้งความประสงค์โดยท้าหนังสือขอย้ายออกไปเรียน กศน.
                แต่รายชื่อเด็กยังไม่เข้าระบบ ด้วยอาจเป็นเพราะเป็นช่วงกลางภาคเรียน เด็กจึงไปติดต่อกับ สพฐ. สพฐ.เห็นว่า

                เป็นโรงเรียนในสังกัดจึงให้กลับมาได้ เทศบาลก็ได้ลงไปช่วยเหลือในกรณีนี้ โดยได้ประสานกับทางโรงเรียน
                ซึ่งโรงเรียนยินดีที่จะรับเด็กกลับเข้ามาเรียนเหมือนเดิม แล้วส่วนตัวเด็กเองก็ยินดีที่จะเรียน ท้าให้เด็กที่หลุดจาก
                ระบบการศึกษากลับเข้าไปอยู่ในระบบได้ โดยเทศบาลได้น้าเข้าในโครงการของ กสศ. โดยอยู่ในระหว่างการรอ

                รายงานตัวแล้วจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนให้






                                                               วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า   145
   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174