Page 170 - 22373_Fulltext
P. 170
2.3) เด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษามานานและมีความต้องการไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังมีกรณี
ที่เป็นเด็กที่ไม่ได้เรียนมาก่อน ซึ่งเป็นปัญหามากกว่ากรณีอื่น โดยเด็กรับปากว่าจะเข้าเรียนโรงเรียนสารพัดช่าง
แต่เมื่อเทศบาลติดต่อให้ เด็กบ่ายเบี่ยง ไม่ต้องการเรียน โดยมีข้ออ้างต่าง ๆ เด็กไม่เปิดใจ เทศบาลจึงต้องเข้าไป
ติดต่อเพื่อที่จะช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ ท้าให้การท้างานท้าได้ยาก ด้วยเด็กมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา “เรา
จะไปจับเค้าเหมือนเด็กในระบบมันยาก เพราะวันนี้รับปากว่าจะท า แต่จริง ๆ พอลงไปจริง ๆ บอกไม่ท า”
2.4) เด็กท้าผิดทางคดี พอได้คุมประพฤติจนมีคดีขึ้นมาแล้ว ปรากฏว่าอยู่ชั้นศาล ศาลสั่งให้คุม-
ประพฤติ โดยเด็กกระท้าความผิดที่จังหวัดนครพนมแต่ภูมิล้าเนาอยู่สกลนคร ศาลจึงให้เด็กย้ายมาคุมประพฤติ
ที่สกลนคร โดยแจ้งผู้ปกครองว่าถ้าจะเอาบุตรไปดูแลต้องให้เรียนจบการศึกษาภาคบังคับประถม 6 แล้วให้เอา
ผลการเรียนมาให้ทางศาล เด็กเคยเป็นนักเรียนออกกลางคันไม่กลับเข้าไปเรียนอีก ในช่วงที่ออกมาได้ไปขอเงิน
จากครอบครัวแล้วไปท้าผิด ไปลักเล็กขโมยน้อยจึงกลับมาคุมประพฤติที่สกลนคร เป็นกรณีที่ยาก ด้วยแม้
ผู้ปกครองจะรับปากว่าจะดูแลบุตรของตนเองอย่างดี โดยเฉพาะการเรียนแต่ไม่สามารถท้าได้
2.5) ปัญหาผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือ เช่น เด็กที่อยู่ในครอบครัวหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิง
ไม่สามารถอ่านได้ เขียนได้บ้าง แต่เทศบาลต้องการที่จะช่วยเหลือเด็ก แต่ผู้ปกครองไม่ต้องการให้เรียน ท้าให้เด็ก
ไม่ได้เรียน ปัญหาเด็กจ้านวนมากเกิดจากครอบครัวตัวเอง ที่ไม่มีความประสงค์ที่จะให้เทศบาลเข้าไปช่วย เพราะ
หากครอบครัวผู้ปกครองร่วมด้วยโรงเรียนยินดีสนับสนุนก็จะสามารถช่วยเหลือเด็กได้ แต่ปัญหาหลักคือครอบครัว
เช่น เด็กต้องการเข้าเรียนแต่ผู้ปกครองไม่ให้จึงท้าให้เกิดปัญหา “บางรายเด็กเป็นผู้หญิง ถอดเสื้อถอดผ้านอนกอด
กับพ่อเลี้ยง พอเราไปดู มันไม่ใช่ จะแยกออกมา เค้าบอกว่าผูกพันกันมา จะไปอยู่ไหนเค้าก็ไม่ไป”
การวิจัยขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นกลไกลดความเหลื่อมล ้าทางด้านการศึกษา
2.6) เด็กอายุเกินเกณฑ์เข้าเรียนด้วยครอบครัวฐานะยากจน ไม่มีก้าลังที่จะส่งเรียน
2.7) เด็กที่มีบิดามารดาอายุน้อยและยากจน อาทิ เด็กสองขวบที่ผู้ปกครองอายุน้อยต้องไปท้างาน
และไม่มีเงินที่จะเลี้ยงดูบุตร เด็กต้องอาศัยเบี้ยยังชีพของย่า อยู่ในบ้านเช่าในชุมชนแออัด มีค่าใช้จ่าย
3) เทศบาลยังขาดการถอดบทเรียนการดูแลช่วยเหลือเด็ก ด้วยการแก้ไขปัญหาเด็กในแต่ละกรณี
เทศบาลไม่สามารถด้าเนินการได้เพียงหน่วยงานเดียว ต้องมีหน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยด้วย เวลาตัดสินใจต้องมีการ
ประชุม โดยจะมีการพูดคุยถึงหน้าที่แล้วแยกกันด้าเนินงาน แต่ยังขาดการถอดบทเรียน
4) เด็กนอกระบบโรงเรียนแก้ไขปัญหาได้ยากกว่าเด็กที่อยู่ในระบบโรงเรียน หากเด็กอยู่ในระบบของ
โรงเรียน เทศบาลสามารถดูแลเด็กที่มีปัญหาได้ ทั้งในเรื่องของอาหาร และเรื่องอื่น ๆ แต่หากเด็กไม่ได้อยู่กับ
โรงเรียนแล้ว ไปอยู่บ้านจะเกิดปัญหามาก เทศบาลช่วยเหลือได้ยาก เช่น ปัญหาจากการที่พ่อแม่ยากจนต้อง
เก็บขยะแล้วพาลูกไปขอทานตามที่ต่าง ๆ เด็กติดโซเชียล เวลาเล่นแล้วไม่อยากไปโรงเรียน ปัญหาเหล่านี้มี
จ้านวนมาก ซึ่งเด็กมักจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเทศบาล เทศบาลเข้าถึงยาก การท้างานบางครั้งเทศบาล
ต้องระมัดระวังเพราะอาจเกิดอันตราย อาทิ ถูกขู่ “อย่ามายุ่งกับลูกเค้า” ท้าให้เวลาท้างานต้องอาศัยเจ้าหน้าที่
จ้านวนมาก “ไปคนเยอะ ต้องเอาผู้ชายไปด้วย ไปเป็นคณะสหวิชาชีพ” ในบางกรณีเทศบาลไม่สามารถให้ค้าตอบ
ได้ว่า เด็กจะสามารถหลุดพ้นจากปัญหาได้หรือไม่ เช่น บางรายเมื่อช่วยเหลือแล้วหนี ท้าให้การช่วยเหลือไม่
ต่อเนื่อง
5) เทศบาลท้าหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานให้กับหน่วยงานต่าง ๆ โดยมีชุมชนเป็นกลไก
ในการช่วยเหลือ ดังนั้นถ้าชุมชนเข้มแข็ง การช่วยเหลือเด็กก็จะเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทศบาลมักเป็น
146 วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า