Page 224 - kpi17527
P. 224
ประชาธิปไตยไทยในทศวรรษใหม่
2559
ส่วนหนึ่งคิดถึงเรื่องของการเลือกตั้ง และเสียงข้างมาก มีไม่มากนักที่จะคิดใน
เรื่องเกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาล นั่นก็คือเรื่องของความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากร
ความเป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากร ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สำนึกรับผิดชอบ
ในการทำหน้าที่การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรือแม้กระทั่งการยึดมั่นในหลักนิติธรรม
ซึ่งเป็นเรื่องทั่วไปอยู่แล้ว นอกจากนี้เมื่อพูดถึงประชาธิปไตยเรามักจะคิดถึงเรื่อง
ของเสียงข้างมากที่จะถือเป็นข้อตกลงในการดำเนินการ เสียงข้างมากนั้นมักมาจาก
การเลือกตั้งที่จะได้ตัวแทนหรือเป็นการตัดสินใจ บางส่วนตอบว่าเสียงข้างมาก
ยังฟังความคิดเห็นของเสียงข้างน้อยเพื่อที่จะทำให้คนส่วนน้อยมีความพอใจว่า
เสียงของเขามีคนรับฟังอีกด้วย นับว่าเรื่องของประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่หลาก
หลายจริงๆ อย่างไรก็ดีจากการศึกษาของ Asian Barometer ที่ทำการสำรวจ
ความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศที่มาจากการสุ่มตามความน่าจะเป็น
โดยสถาบันพระปกเกล้า ในปี 2553 พบว่าร้อยละ 17 ตอบว่าประชาธิปไตย
เป็นเรื่องของกระบวนการ ซึ่งหมายถึงการเลือกตั้งนั่นเอง ร้อยละ 13 ตอบว่า
212 เป็นเรื่องอิสรภาพ ร้อยละ 37 เป็นเรื่องความเท่าเทียมกันทางสังคม ร้อยละ
33 ตอบว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาล นั่นคือประชาธิปไตยมีทั้งสาระ
และกระบวนการนั่นเอง
สำหรับสาระในบทความนี้เป็นการมองประชาธิปไตยในลักษณะที่จะนำเสนอ
เพื่อเชิญชวนให้เกิดการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง ทั้งนี้อาจจะต่างจาก
ประชาธิปไตยทั่วไปที่เน้นการใช้สิทธิเพื่อที่จะเลือกตัวแทนหรือตัดสินใจโดย
เสียงข้างมาก โดยมุ่งที่เป้าหมายคือเพื่อที่จะให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
สถาพรสืบไป พร้อมเสนอรูปแบบการสร้างประชาธิปไตยใหม่ที่เหมาะสมกับ
สังคมไทย
ต้องยอมรับว่าหลายประเทศเปลี่ยนจากสังคมนิยมหรือระบบคอมมิวนิสต์
มาเป็นประชาธิปไตยเมื่อสองสามทศวรรษที่ผ่านมา แต่ต่อมาบางประเทศ
ไม่สามารถรักษาประชาธิปไตยของประเทศตนไว้ได้ และหวนคืนกลับไปสู่ระบบ
การปกครองแบบเดิมที่เคยมีมาในครั้งก่อน ทั้งที่ประชาชนในประเทศนั้นก็ดู
เหมือนจะพอใจกับคำว่าประชาธิปไตย จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดว่าเกิดอะไรขึ้นใน
สังคมนั้น หากลองทบทวนดูจะพบว่าประชาชนมักได้เรียนรู้ประชาธิปไตยที่เน้น
สถาบันพระปกเกล้า