Page 220 - kpi17527
P. 220
ประชาธิปไตยไทยในทศวรรษใหม่
2559
ให้เป็นพลเมือง จึงเป็นทางรอดของประชาธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งเราสามารถ
เรียนรู้เทคนิควิธีการได้จากประเทศต่างๆ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศ
เยอรมัน และประเทศอื่นๆ ในยุโรปที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้มาแล้ว
ประเทศไทยผ่านเหตุการณ์ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมาหลายเหตุการณ์
ทั้งยังมีการเมืองภาคพลเมืองที่มีความเข้มแข็งพอสมควร ประเทศไทยจึงมิได้เริ่ม
จากศูนย์ในการเปลี่ยนประชาชนให้เป็นพลเมือง ถ้าหากสามารถเชื่อมประสาน
หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษา และกลุ่มองค์กร
ที่กำลัง “เผยแพร่ประชาธิปไตย” หรือทำงานภาคประชาชน ให้มาร่วมกันภายใต้
ยุทธศาสตร์เดียวกัน คือการเปลี่ยนประชาชนให้เป็นพลเมือง ด้วยวิธีการอัน
หลากหลาย ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือสร้างพลเมือง โอกาสของประเทศไทยที่จะมี
ประชาธิปไตยที่เข้มแข้งมั่นคง ไม่ล้มเหลว หรือไร้ความหวัง จะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
ในอนาคตอันไม่ไกลเกินไปนับจากนี้
20 เป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลา โดยปกติคือคนหนึ่งรุ่น ประเทศเยอรมันใช้เวลา
การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง หรือการเปลี่ยนประชาชนให้เป็นพลเมือง
ประมาณ 15 ปี สำหรับประเทศไทย ด้วยต้นทุนการเรียกร้องประชาธิปไตย
การตื่นตัวของประชาชน และเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ที่เรามีในตอนนี้
ถ้าเราดำเนินการอย่างจริงจังอย่างต่อเนื่อง เราอาจจะใช้เวลาน้อยกว่านั้นก็ได้
ความจริงในปี 2553 กระทรวงศึกษาธิการได้มีการแต่งตั้ง “คณะกรรมการ
พัฒนาการศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง” ขึ้นมาแล้ว โดยคณะกรรมการชุดนี้ได้
ร่าง “ยุทธศาสตร์การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง” เสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ
ซึ่งกระทรวงศึกษาได้ประกาศให้เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศไปเรียบร้อยแล้ว
(โปรดดูภาคผนวก) แต่ด้วยปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ต่อเนื่องยาวนาน
และนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่เปลี่ยนแปลงไปมาตามผู้บริหารที่ผันผวน
ไปตามการเมือง ทำให้ “การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง” ไม่สามารถทำได้อย่าง
เต็มที่หรืออย่างต่อเนื่อง แต่อย่างน้อยที่สุดประเทศไทยก็ได้มีเริ่มต้นมีความตื่นตัว
และมียุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ โดยได้มีสถาบันการศึกษาทั้งระดับโรงเรียน และระดับ
มหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยได้เริ่มต้นดำเนินการกันแล้ว และได้เห็น “ผล” ที่เกิด
ขึ้นแล้วว่า เด็กไทยและคนไทยสามารถ “เรียนรู้” ที่จะเป็น “พลเมือง” ในระบอบ
ประชาธิปไตยได้ แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีการ “บรรยาย” หากด้วยกิจกรรม “การเรียนรู้”
สถาบันพระปกเกล้า