Page 563 - kpi17968
P. 563
552
พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
เป็นต้น ซึ่งเป็นการให้อำนาจรัฐในการจัดการและใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ
โดยไม่เปิดช่องให้ประชาชนในชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมเท่าที่ควร
จากการมุ่งเน้นการพัฒนาที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชุมชนทำให้ประชาชนใน
ท้องถิ่นหลายพื้นที่จำต้องเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลง
ไปอันเนื่องมาจากความเสื่อมโทรมและการรุกล้ำทรัพยากรธรรมชาติที่เคยเป็น
แหล่งทำมาหากินและเป็นสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ หลายกรณี
ตัวอย่างของชุมชนที่ล่มสลายและมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง อันได้แก่
ชุมชนแม่เมาะกรณีโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ชุมชนมาบตาพุดกรณีนิคมอุตสาหกรรม
มาบตาพุด และชุมชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนราษีไศล เป็นต้น ทำให้
ตลอดระยะเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาได้มีความตื่นตัวเกี่ยวกับปัญหาความ
เสื่อมโทรมของทรัพยากรอย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังได้มีการผลักดันกฎหมายที่
เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ รวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะที่
เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม อาทิ ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม ศาลปกครอง และ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในทาง
ปฏิบัติ ประชาชนผู้ถูกละเมิดสิทธิในเรื่องการบุกรุกที่อยู่อาศัย หรือได้รับ
ผลกระทบจากปัญหาสภาพแวดล้อมและความเสื่อมโทรมของทรัพยากร ยังมี
โอกาสน้อยมากที่จะได้รับค่าชดเชยจากความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากการขาด
อำนาจต่อรอง การขาดความรู้เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม การขาดความรู้ทาง
เทคนิคที่เกี่ยวข้องในการพิสูจน์ความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณา
ของศาล ตลอดจน ต้นทุนที่สูงในการดำเนินคดีและความล่าช้าของกระบวนการ
ยุติธรรม ซึ่งทั้งหมดส่งผลให้ผู้ถูกละเมิดจำใจรับความเสียหายที่เกิดขึ้น
(กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม, 2556) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในความเป็นจริงแล้ว การละเมิดสิทธิเช่นว่านั้น ชาวบ้านในชุมชนท้องถิ่น
มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิทางธรรมชาติที่พวกเขามีอยู่มาดั้งเดิมอย่างยาวนาน
หลายชั่วอายุคนโดยไม่จำเป็นต้องมีการรับรองตามกฎหมาย สิทธิที่หลายคนรู้จัก
กันดีและเรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สิทธิชุมชน” นี้ พวกเขาถือว่าเป็นสิทธิตาม
สภาพความเป็นจริง (de facto) ที่ไม่ว่าจะมีการรับรองทางกฎหมายหรือไม่
บทความที่ผานการพิจารณา