Page 578 - kpi17968
P. 578
567
ถูกนำมากล่าวอ้างโดยเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนยอมจำนนต่อความ
มั่นคงในนิติฐานะของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อเป้าประสงค์ของรัฐ เสมือนว่า
การปฏิบัติตามนโยบายของรัฐก็คือการปฏิบัติตามกฎหมาย และเจ้าหน้าที่รัฐก็มัก
จะบอกกับชาวบ้านในชุมชนว่าการออกใบอนุญาตจัดตั้งโครงการเป็นไปตาม
กฎหมายทุกประการ การนำกฎหมายมาใช้ในทางปฏิบัติโดยผู้มีอำนาจทาง
กฎหมายจึงอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าความยุติธรรมในสิทธิชุมชน ซึ่งเมื่อนำกรอบ
แนวคิดการรื้อสร้างมาอธิบาย คู่ความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายกับความยุติธรรม
ในชั้นแรกจะเห็นว่ากฎหมายที่รัฐนำมาใช้กับประชาชนอยู่เหนือกว่าความยุติธรรม
ในสิทธิชุมชน ซึ่งในความเป็นจริง ควรที่จะได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐ
เช่นเดียวกับที่รัฐธรรมนูญรับรองเอาไว้ อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวเรียกร้องความ
ยุติธรรมของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ บ้านกรูด-บางสะพานได้ทำให้ความยุติธรรม
ในสิทธิชุมชนกลับมาอยู่เหนือกฎหมายที่รัฐนำมาอ้างในการบังคับใช้กับประชาชน
โดยพิจารณาจากนิติสำนึก 3 รูปแบบ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการยอมเชื่อฟังกฎหมายจาก
ความเชื่อที่ว่าทุกคนเสมอกันเบื้องหน้ากฎหมายโดยการใช้เสรีภาพในการชุมนุม
ยื่นข้อเรียกร้องไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ และความพยายามในการใช้กฎหมาย
จากกรณีที่ศึกษารัฐธรรมนูญด้วยตนเอง การอ้างอิงบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
ในการต่อสู้คัดค้าน และแม้กระทั่งการต่อต้านกฎหมายของชาวบ้านในบาง
เหตุการณ์ เช่น การชุมนุมปิดถนนสี่แยกบ่อนอกเพื่อขอเจรจากับผู้มีอำนาจของรัฐ
ในการยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้า หรือคดีล้มโต๊ะจีน ทั้งหมดนี้ แม้ว่าจะเป็นการ
ดื้อแพ่งต่อกฎหมายหรือต่อต้านกฎหมาย แต่ชาวบ้านก็พร้อมที่จะยอมเป็นเหยื่อ
ให้ตนเองรับผลจากการกระทำที่เกิดขึ้นเพื่อชูให้เป็นประเด็นสาธารณะ โดยไม่ได้
หลบหนีบทลงโทษทางกฎหมาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ที่ยังคงอยู่ใน
กระบวนการทางกฎหมาย
นิติสำนึกของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ บ้านกรูด-บางสะพานในการใช้
กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ทำให้ความยุติธรรมกลับมาอยู่
เหนือกฎหมาย ซึ่งก็คือลักษณะของ “double bind” ของคู่ความสัมพันธ์ระหว่าง
กฎหมายกับความยุติธรรม กล่าวคือนิติสำนึกว่าด้วยความยุติธรรมของชาวบ้าน
กลุ่มอนุรักษ์ฯ บ้านกรูด-บางสะพานโดยการอ้างอิงรัฐธรรมนูญเป็นการใช้สิทธิ
บทความที่ผานการพิจารณา