Page 98 - kpi20686
P. 98

ห น้ า  | 88


                       โดยใช้มาตรการการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกว้างขวางยิ่งขึ้น ในส่วนของการพัฒนาองค์กร
                       คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ให้ความส าคัญกับการพัฒนางานด้านกฎหมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ
                       ท างานและการบริหารราชการของส านักงาน ป.ป.ช. ขณะเดียวกันได้มุ่งพัฒนาปรับโครงสร้าง
                       ส านักงาน ป.ป.ช. ให้สอดรับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับก าหนดแนวทางการพัฒนา

                       และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมุ่งสู่ NACC Next Step 4.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติ
                       ภารกิจหลักและสอดคล้องกับทิศทางของประเทศ ในเรื่อง “ประเทศไทย 4.0” ในการปฏิบัติภารกิจ
                       หลักข้างต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด าเนินการบนพื้นฐานค่านิยมองค์กรในเรื่อง “ซื่อสัตย์ เป็นธรรม
                       มืออาชีพ” หมายถึง การปฏิบัติงานที่ต้องด ารงความซื่อสัตย์ ยืนหยัดในความเป็นธรรมและมุ่งมั่นเป็น

                       มืออาชีพ ทั้งนี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนในที่สุด


                       การวางหลักการใหม่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และ

                       กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
                                ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

                       ฉบับเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2542 แก้ไขเมื่อปี พ.ศ. 2550 และปี พ.ศ. 2554 ก่อนที่จะมีการยกเลิกและ
                       ประกาศใช้ใหม่ในปี พ.ศ. 2561 แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการเพิ่มเครื่องมือเพื่อเป็นการ
                       ปราบปรามการคอรัปชั่นให้ส าเร็จ โดยที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ

                       ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เป็นฉบับที่ยกเลิกระบบเดิมทั้งหมด และวางโครงสร้างองค์กร
                       ป.ป.ช. ดังจะเห็นได้จากกฎหมายฉบับเก่ามีจ านวน 133 มาตรา ในขณะที่ฉบับใหม่มีจ านวน 200
                       มาตรา โดยมีหลักการในการวางโครงสร้างดังรายละเอียดต่อไปนี้
                                1. เพิ่มคุณสมบัติกรรมการ ป.ป.ช.ให้สูงขึ้น
                                พ.ร.ป.ป.ป.ช. ฉบับใหม่ ในมาตรา 10 เพิ่มเงื่อนไขว่า ผู้ที่จะมาเป็นนั่งในคณะกรรมการ

                       ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องจบการศึกษาไม่ต่ ากว่าปริญญาตรี ต้องมี
                       ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ต้องมีสุขภาพที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้
                       ข้อก าหนดเรื่องอายุขั้นต่ าจะอยู่ที่ 45 ปี เหมือนกฎหมายเดิม แต่เพิ่มข้อก าหนดอายุขั้นสูงห้ามไม่ให้

                       เกิน 70 ปี
                                ในมาตรา 9 เพิ่มประสบการณ์ของกรรมการ ป.ป.ช. ให้สูงขึ้น เช่น ต้องเคยรับราชการใน
                       ต าแหน่งไม่ต่ ากว่าอธิบดีไม่น้อยกว่าห้าปี จากเดิมไม่ได้ก าหนดระยะเวลา ต้องเป็นศาสตราจารย์ของ
                       มหาวิทยาลัยในประเทศไทยไม่น้อยกว่าห้าปี และต้องมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ จากเดิม

                       ก าหนดแค่ต้องเคยเป็นศาสตราจารย์เท่านั้น
                                กฎหมายใหม่ยังเปิดช่องให้ ผู้เคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทมหาชนไม่น้อยกว่าสิบปี
                       หรือเคยด ารงต าแหน่งบริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจไม่น้อยกว่าห้าปี เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ได้ ซึ่ง
                       กฎหมายเดิมไม่ยอมรับต าแหน่งเหล่านี้ ขณะที่กฎหมายเดิมเปิดช่องให้ผู้ที่เคยเป็นรัฐมนตรี ตุลาการ

                       ศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระอื่น มาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ได้ แต่กฎหมายใหม่ห้ามไม่ให้ผู้เคย
                       ท างานในองค์กรอิสระอื่นๆ มารับต าแหน่ง ป.ป.ช.
   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103