Page 103 - kpi20686
P. 103

ห น้ า  | 93


                       เห็นว่า เป็นเรื่องไม่ร้ายแรง ก็ให้ส่งเรื่องคืนต ารวจภายใน 30 วัน ให้ต ารวจด าเนินการต่อได้ ในกรณีนี้
                       ให้ ป.ป.ช. จัดท าคู่มือแจกจ่ายให้ต ารวจทราบถึงอ านาจหน้าที่ให้ชัดเจนด้วย
                                มาตรา 62 ก็วางหลักเกณฑ์ว่า กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาว่าทุจริตเป็นผู้ด ารงต าแหน่งตั้งแต่
                       อ านวยการระดับสูงลงมา หรือกรณีที่ข้อกล่าวหาไม่ใช่ความผิดร้ายแรง คณะกรรมการป.ป.ช. จะ

                       มอบหมายให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ด าเนินการแทน
                       ก็ได้
                                นอกจากกรณีเหล่านี้แล้ว ในคดีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐร่ ารวยผิดปกติ หรือความผิดอื่นๆ มาตรา
                       63 ก็ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีทางเลือก หากเห็นว่า ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง ก็สามารถส่งเรื่องให้

                       ต ารวจด าเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เช่นเดียวกับคดีทั่วๆ ไปได้ หรือกรณี
                       อื่นๆ ที่คณะกรรมการป.ป.ช. เห็นว่าไม่ใช่ความผิดร้ายแรง มาตรา 64 ก็ให้มีทางเลือกส่งเรื่องไปให้
                       ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่นั้นๆ ด าเนินการทางวินัยไปก็ได้
                                10 เพิ่มอ านาจตัดสินใจร่วมกับอัยการสูงสุด เมื่อต้องฟ้องคดีหรือต้องยื่นอุทธรณ์

                                กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า ผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง หรือองค์กรอิสระ มี
                       พฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้
                       ด ารงต าแหน่งทางการเมืองแล้ว แต่อัยการสูงสุดเห็นว่า ส านวนการไต่สวนยังไม่สมบูรณ์พอที่จะฟ้อง

                       คดี มาตรา 77 ก าหนดขั้นตอนต่อไปว่า ให้อัยการสูงสุดและคณะกรรมการป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการ
                       ร่วมฝ่ายละเท่ากันไม่เกินฝ่ายละห้าคน ขึ้นมาด าเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน
                                หากคณะกรรมการร่วมไม่อาจหาข้อยุติได้ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด าเนินคดีต่อไป โดย
                       จะยื่นฟ้องคดีเองก็ได้ และห้ามไม่ให้พนักงานอัยการรับแก้ต่างให้จ าเลย
                                กรณีที่อัยการสูงสุดฟ้องคดีและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง

                       พิพากษาแล้ว หากอัยการสูงสุดจะไม่อุทธรณ์ มาตรา 79 ก าหนดให้อัยการสูงสุดแจ้งต่อคณะกรรมการ
                       ป.ป.ช. และให้ฟังความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย
                                ส าหรับกรณีการด าเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐต าแหน่งอื่นๆ หากศาลพิพากษาแล้วและอัยการ

                       สูงสุดจะไม่อุทธรณ์หรือฎีกา มาตรา 94 ก็ก าหนดให้ต้องหารือกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก่อน หากมี
                       ความเห็นต่างกัน ให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ตัดสินใจต่อไป โดยค านึงถึงความเป็นธรรมและประโยชน์ของ
                       ประเทศเป็นส าคัญ และชี้แจงเหตุผลให้ประชาชนทราบด้วย
                                ส่วนมาตรา 95 ก าหนดให้ กรณีที่อัยการสูงสุดเป็นผู้ถูกกล่าวหา ให้ประธานกรรมการ

                       ป.ป.ช. มีอ านาจฟ้องหรือยื่นค าร้องต่อศาลเอง
                                11. เพิ่มฐานความผิด เพิ่มอัตราโทษ เตรียมปรับนิติบุคคลจ่ายสินบน
                                เมื่อ ป.ป.ช. มีอ านาจเข้ามาแสวงหาพยานหลักฐาน ไต่สวน และด าเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่
                       ทุจริตคอร์รัปชั่นได้แล้ว อีกเงื่อนไขหนึ่งที่ พ.ร.ป.ป.ป.ช. ฉบับใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพื่อหวังจะท าให้การ

                       เอาผิดบรรลุผลมากขึ้น คือ การเพิ่มฐานความผิด หรือการกระท าที่จะเป็นความผิดและอัตราโทษที่
                       อาจเอาผิดได้ ตัวอย่างเช่น
                                  1) เพิ่มความผิดฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรม การสอบสวน การไต่สวน การ
                       ด าเนินคดี ตามกฎหมายนี้ มาตรา 128 ก าหนดให้เป็นความผิดเฉพาะ มีโทษจ าคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่

                       เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ หากเป็นการกระท าโดยเจ้าหน้าที่รัฐต้องรับโทษเป็นสองเท่า
   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108