Page 101 - kpi20686
P. 101

ห น้ า  | 91


                                6. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน "ขาดความเที่ยงธรรม" รับโทษสองเท่า
                                ส าหรับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ พ.ร.ป.ป.ป.ช. มาตรา 158 ก าหนดให้เจ้าหน้าที่ตั้งแต่ระดับ
                       ผู้อ านวยการกองขึ้นไป พนักงานไต่สวน และเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินและ
                       หนี้สิน ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบ เพื่อให้

                       เกิดธรรมาภิบาลและเป็นการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หากเจ้าหน้าที่ร่ ารวยผิดปกติ มาตรา
                       159 ก าหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด าเนินการไต่สวน หรือตั้งคณะกรรมการไต่สวน ให้เสร็จภายใน
                       60 วัน
                                นอกจากนี้ มาตรา 144(2) ก็ก าหนดให้คณะกรรมการมีอ านาจจัดท ามาตรฐานทาง

                       จริยธรรมส าหรับเจ้าหน้าที่ขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยต้องระบุด้วยว่า หากเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษ
                       อย่างไร และมาตรา 147 ก าหนดให้กรณีที่มีเหตุควรสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กระท าการไม่สุจริต ให้
                       ด าเนินการทางวินัยโดยเร็ว และให้กรรมการ ป.ป.ช. ย้ายผู้นั้นจากต าแหน่งหน้าที่ทันที
                                ในกรณีที่กรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กระท าความผิดฐานทุจริตเสียเอง มาตรา 183

                       ก าหนดให้ต้องรับโทษเป็นสองเท่าของความผิดนั้นๆ ซึ่งการเพิ่มโทษนี้เป็นหลักการเดียวกับกฎหมาย
                       เดิม แต่ส่วนที่เพิ่มมา คือ หลักการที่เขียนไว้กว้างๆ ว่า ในกรณีที่กรรมการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่
                       โดยขาดความเที่ยงธรรมให้ถือว่าเป็นการกระท าความผิดต่อต าแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่ง “ขาดความ

                       เที่ยงธรรม” จะตีความอย่างไรยังไม่ปรากฏชัด
                                กฎหมายนี้ยังก าหนดให้ส านักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นผู้มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของ
                       ส านักงาน ป.ป.ช. และตรวจสอบรายงานของกองทุน ป.ป.ช. ด้วย
                                7. ติดดาบ เพิ่มอ านาจแสวงหาพยานหลักฐาน
                                คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. มีหน้าที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวน

                       และแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนั้น กฎหมายจึงต้องมอบอ านาจเหล่านี้
                       ไว้ให้ด้วย นอกจากอ านาจตามที่มีอยู่เดิม เช่น การเรียกบุคคลมาให้ถ้อยค า เรียกเอกสารหลักฐาน การ
                       ขอให้ศาลออกหมายค้นแล้ว พ.ร.ป.ป.ป.ช. ฉบับใหม่ ยังเพิ่มอ านาจส าหรับการแสวงหาข้อเท็จจริง

                       ให้กับ ป.ป.ช. ในแง่มุมอื่นๆ อีก เช่น
                                  1) มาตรา 34(5) ให้ ป.ป.ช. สามารถจ้างที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ ในการตรวจสอบหา
                       ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน และการด าเนินคดีติดตามทรัพย์สินในต่างประเทศได้
                                  2) มาตรา 38 ให้ ป.ป.ช. มีอ านาจขอข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินจากส านักงาน

                       ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้ เพื่อการตรวจสอบ ไต่สวน วินิจฉัยเกี่ยวกับการ
                       กระท าของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
                                  3) มาตรา 39 ให้กรรมการ ป.ป.ช. และพนักงานไต่สวนที่ได้รับมอบหมาย มีอ านาจ
                       จับกุมตัวผู้กระท าความผิดได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล ในกรณีที่มีการกระท าความผิดฐานทุจริตเกิดขึ้น

                       ในลักษณะความผิดซึ่งหน้า
                                  4) มาตรา 67 ให้ ป.ป.ช. ใช้วิธีการอัดเป็นภาพวีดีโอในการสอบสวนได้ โดยให้ผู้ถูกสอบ
                       ได้ตรวจสอบถึงความถูกต้องของบันทึกการให้ปากค านั้น บันทึกนี้อาจท าส าเนาออกมาเป็นลายลักษณ์
                       อักษร หรือสิ่งบันทึกอย่างอื่นก็ได้
   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106