Page 152 - kpi21595
P. 152
เมื่อคนในชุมชนได้รับการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยปราศจากการสร้างสำนึกพลเมืองควบคู่
กัน ในที่นี้คือการนำวัวไปขายเพื่อนำเงินที่ได้มาแบ่งกันนั่นเอง แต่เมื่อทางหน่วยงานราชการลงมาตรวจ ก็จะนำ
เงินมารวมกันเพื่อซื้อวัวใหม่ ในแง่นี้แสดงให้เห็นว่าทรัพยากรที่เป็นพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์อาจถูกแปรสภาพให้
กลายเป็น “ทุน” ระยะสั้นของคนในชุมชนได้ ในแง่เศรษฐศาสตร์สิ่งนี้คือการแปลงทรัพย์สินเป็นทุนที่ไม่ผิด
หลักเศรษฐศาสตร์ เพราะหากบริหารจัดการได้ดีอาจทำให้กองทุนเหล่านี้งอกเงยต่อไปและกลายเป็นอีกแหล่ง
ทุนของชุมชนได้ แต่โดยหลักพลเมืองแล้วการกระทำเช่นนี้ขัดกับคุณลักษณะความเป็นพลเมืองเรื่องความ
ซื่อตรงอย่างมาก “การให้” โดยปราศจากการสร้างสำนึกพลเมืองควบคู่ไปด้วย หรือการที่มุ่งเน้นนำทรัพยากร
จากภายนอกชุมชนมาให้จึงเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่บ่อนทำลายคุณลักษณะความเป็นพลเมืองในระบอบ
ประชาธิปไตยในเรื่องของความซื่อสัตย์ซื่อตรงลงไปโดยไม่ตั้งใจ
มิติที่สาม เป็นผลมาจากปรัชญารากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจที่มุ่งมองการพัฒนาแบบ “ปัจเจกชน
นิยม” (individualism) เป็นหลัก ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างรายได้ในชุมชนให้
ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองและคำนึงถึงประโยชน์ “ส่วนตน” อย่างเหนียวแน่นกระทั่งบางครั้งละเลย
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับกลุ่มตนชุมชนและสังคมไป รากฐานความเชื่อในการพัฒนาดังกล่าวจึงกลายเป็น
เงื่อนไขที่ขัดขวางต่อการสร้างสำนึกพลเมืองที่ตระหนักถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักอย่างสำคัญ
สำหรับผู้วิจัยแล้ว แนวคิดของการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนฐานคิดแบบ “ปัจเจกชนนิยม” (individualism)
เช่นนี้ เป็นฐานคิดเรื่องการพัฒนารูปแบบหนึ่งที่สามารถกระทำได้ อย่างไรก็ตาม ความเป็นพลเมืองไม่ใช่
คุณลักษณะที่โดดเดี่ยวในแง่ที่เชื่อว่าหากปัจเจกบุคคลแต่ละคนมีการพัฒนาของตนเองแล้วสุดท้ายเมื่อผลดีของ
แต่ละคนรวมกันก็จะทำให้ชุมชนดีขึ้นในภาพรวม เพราะการเป็นพละกำลังให้แก่บ้านเมืองอย่างแท้จริงนั้น
ไม่ใช่การตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพในการพัฒนาตนเองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการตระหนักถึงการพัฒนาตนเอง
ไปพร้อมกับการการตระหนักถึงผลกระทบที่จะต่อส่วนรวมไปพร้อมกัน การส่งเสริมสำนึกความเป็นพลเมืองไม่
อาจกระทำบนฐานคิด “ปัจเจกชนนิยม” เพียงอย่างเดียว เพราะการยึดมั่นกับความคิดแบบปัจเจกชนนิยม
สุดโต่งจะนำมาสู่ปัญหาการแสวงหาประโยชน์ส่วนตน กระทั่งนำมาสู่การล่มสลายของกลุ่มและการขัดแย้ง
ระหว่างคนในชุมชนได้
ในที่นี้ขอยกตัวอย่างกรณีการลักลอบเก็บเห็ดในป่าดอนเสาโฮงและกรณีกลุ่มเห็ดของอำเภอพนมไพรที่
ต้องล่มสลายลงไป เพราะสมาชิกในกลุ่มต้องการแต่รายได้โดยไม่ทำงานและมุ่งแสวงหาประโยชน์ให้ตนเองโดย
ปราศจากการคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ดังนั้นแม้โครงการส่งเสริมอาชีพจำนวนมากในชุมชนนั้นจะก่อให้เกิด
การรวมกลุ่มอาชีพในชุมชนจำนวนมาก แต่โดยฐานคิดและปฏิบัติการของโครงการเหล่านั้นกลับขัดขวางการ
ก่อเกิดสำนึกพลเมืองที่เป็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมอย่างสำคัญ เพราะแม้ว่าโครงการส่งเสริมอาชีพทั้งหลายจะ
ระบุว่าชาวบ้านต้องมีการรวมกลุ่มกันก่อนทางราชการจึงจะพิจารณาสนับสนุนทรัพยากรและงบประมาณ
บางส่วนให้ กระนั้น ในทางปฏิบัติการรวมกลุ่มดังกล่าวกลับไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันของทุก
กลุ่มอาชีพเสมอไป แต่เป็นไปเพียงเพื่อการขอรับการสนับสนุนงบประมาณและพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์เท่านั้น
สุดท้ายแต่ละคนก็ต่างดำเนินการของตนโดยแยกกันอยู่ดี ดังนั้นการรวมกลุ่มอาชีพจึงไม่อาจส่งเสริมสำนึก
141