Page 147 - 22373_Fulltext
P. 147

ไม่ได้เข้ารับการรักษาที่ถูกวิธี เด็กที่มีสมาธิสั้นหรือมีอาการพิเศษ ผู้ปกครองบางคนจะฝากให้โรงเรียนดูแล
                โดยจะมียามาให้ ให้เด็กพกมาที่โรงเรียน แล้วให้ครูดูแลในเรื่องการกินยา ผู้ปกครองบางคนน้าเด็กไปรักษา
                แพทย์ได้น้าใบประเมินมาให้ครูผู้สอนช่วยสังเกตและประเมินเด็กว่าเป็นอย่างไร

                          ส้าหรับเพื่อนในห้องนั้นเข้าใจ สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่ต้องอยู่ในการดูแลของครูเสมอ อาทิ

                เด็กผู้ชายจะมีการใช้ก้าลังบ้างตามวัย ต้องดูแล ในช่วงแรกเพื่อนจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ผ่านไปแล้วเด็กจะมีอาการ
                ดีขึ้น สามารถเข้ากับสังคมได้ นอกจากนี้เมื่อโรงเรียนทราบว่าเด็กบางกลุ่มเป็นเด็กพิเศษ เวลาโรงเรียน
                ท้ากิจกรรมหรือไปทัศนศึกษา โรงเรียนจะดูแลเป็นพิเศษ ไม่ได้กีดกันไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรม โดยโรงเรียนจะให้

                เพื่อนเป็นผู้ช่วยในการดูแล “ครูก็จะฝากเด็กว่าช่วยดูแลหน่อยนะ เป็นเหมือนบัดดี้เขา ก็คือทั้งครูทั้งเด็กช่วยกัน”

                          เด็กในกลุ่มนี้จะมีกระจายอยู่ทุกช่วงชั้น ห้องหนึ่งมีอย่างน้อย 1-2 คน โดยเป็นการเรียนร่วมกันกับ
                เด็กปกติ ทั้งนี้โรงเรียนได้ท้าการประเมินสุขภาพจิตเด็ก โดยใช้แบบประเมินจากกรมสุขภาพจิตให้ครูประจ้าชั้น

                ลองตรวจสอบเด็กที่มีอาการว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสมาธิสั้นหรือไม่ ซึ่งโรงเรียนจะน้าเด็กเข้ามาร่วมในโครงการ “สมาธิดี
                ชีวีสดใส ด้วยดนตรีไทย” โดยทดลองน้ามาบ้าบัดด้วยดนตรีไทย ซึ่งก้าลังเริ่มด้าเนินการในปีนี้ ซึ่งพบว่ามีเด็กกลุ่ม
                นี้จ้านวน 24 คน ด้วยเพราะดนตรี “ไม่เลือกวัย จะอายุเท่าไหร่ก็เล่นได้” โดยเด็กที่เลือกเข้าโครงการก็เป็นเด็ก

                ที่ไม่ก้าวร้าวมาก เป็นเพียงเด็กที่ไม่สามารถอยู่นิ่งได้นาน ๆ

                          4) ปัญหาเด็กอ่านหนังสือไม่ออกแต่มีจ้านวนน้อยเพียง 2 คน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากความบกพร่องทาง
                สติปัญญา หรือโรค LD ซึ่งเด็กจะอ่านหนังสือไม่ออก “บางคนจน ป.5 แล้วยังอ่านไม่ได้” ซึ่งโรงเรียนยังไม่จัดว่า

                เป็นเด็กพิเศษ “เขาเป็นปกติเลยนะคะ แต่เค้าอ่านหนังสือไม่ออก” โรงเรียนแก้ปัญหาด้วยการสอนแบบ “ตัวต่อตัว”
                แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้

                          5) ปัญหาคุณแม่วัยใส ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงดูแลเด็ก เมื่อพ่อแม่ของเด็กไม่สามารถเลี้ยงดูบุตร
                ได้ ก็ต้องให้ปู่ย่าตายายเลี้ยง ซึ่งโรงเรียนมองว่าผู้ปกครองดังกล่าวเลี้ยงดูไม่เป็น ท้าให้เด็กไม่มีคุณภาพ บางราย

                มีบุตร 4-5 คน โดยคุณแม่วัยใสส่วนใหญ่เป็นเด็กมีปัญหา เช่น เด็กแว้น เด็กติดยา ที่โรงเรียนมองว่าไม่มีศักยภาพ
                ในการสอน “เขายังสอนตัวเองไม่ได้ แล้วเขาจะเลี้ยงดูลูกเขาได้อย่างไร”


                3.7 เทศบาลเมืองล้าพูน จังหวัดล้าพูน

                        พื้นที่เทศบาลเมืองล้าพูน ตั้งอยู่ในต้าบลในเมือง อ้าเภอเมือง จังหวัดล้าพูน จากการศึกษาบริบทด้าน

                จ้านวนนักเรียนในพื้นที่ สภาพปัญหาความเหลื่อมล้้าทางการศึกษาจากฐานข้อมูลความเสมอภาคทางการศึกษา
                กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ฐานข้อมูลผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานราย                      การวิจัยขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นกลไกลดความเหลื่อมล ้าทางด้านการศึกษา

                โรงเรียน (O-NET) และจากการสะท้อนสภาพปัญหาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้วิจัยสามารถสรุปสภาพ
                ปัญหาความเหลื่อมล้้าทางการศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลเมืองล้าพูน ได้ดังต่อไปนี้

                        3.7.1 บริบทด้านจ้านวนนักเรียนในพื นที่

                          จากฐานข้อมูลความเสมอภาคทางการศึกษากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาพบว่า ในปี
                การศึกษา 2563 จังหวัดล้าพูนมีจ้านวนนักเรียนทั้งหมด 39,423 คน เฉพาะอ้าเภอเมืองมีจ้านวนนักเรียน

                ทั้งหมด 16,274 คน (41.3%) ทั้งนี้เกือบครึ่งหนึ่งของนักเรียนเป็นนักเรียนในต้าบลในเมืองซึ่งเป็นพื้นที่ดูแลของ
                เทศบาลเมืองล้าพูนจ้านวน 10,060 คน (41.3%)






                                                               วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า   123
   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152