Page 86 - b29259_Fulltext
P. 86
การเมืองแบบรัฐสภามักจะถูกโยงเข้ากับพัฒนาการทางการเมือง
ของประเทศอังกฤษซึ่งมีการต่อสู้ ต่อรองกันระหว่างสถาบันกษัตริย์กับ
เหล่าขุนนางและตัวแทนของประชาชน ตั้งแต่การที่กษัตริย์อังกฤษยอมรับ
ที่จะจำากัดอำานาจของพระองค์ลงซึ่งมีผลให้กษัตริย์ลดบทบาทในทาง
การเมืองลง และให้ตัวแทนของประชาชนที่ทำาหน้าที่บัญญัติกฎหมายและ
ทำาหน้าที่บริหารประเทศได้มีบทบาทมากขึ้น และมีความรับผิดรับชอบ
ในทางการเมืองอย่างสมบูรณ์ในที่สุด ในสถาบันการเมืองที่พัฒนามาโดย
ลำาดับนั้นทำาให้อังกฤษมีสภาผู้แทนราษฎร หรือสภาสามัญ (House of
Commons) และสภาขุนนาง (House of Lords) ประกอบกันเป็นรัฐสภา
โดยพระมหากษัตริย์อังกฤษธำารงการเป็นศูนย์รวมจิตใจของประเทศ
ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเคยเป็นดินแดนอาณานิคมของ
อังกฤษมาก่อนและประกาศอิสรภาพเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2319
(ค.ศ. 1776) และเกิดความจำาเป็นในการร่างข้อตกลงในการอยู่ร่วมกัน
ระหว่างรัฐต่าง ๆ เกิดการถกเถียงและเปลี่ยนในประเด็นสำาคัญต่าง ๆ เพื่อ
นำาไปสู่การสร้างสถาบันการเมืองที่ทำาหน้าที่ปกครองและบริหารประเทศ
โดยคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญอเมริกัน (Founding Fathers) มีจำานวน 55 คน
มาประชุมที่เมืองฟิลาเดเฟีย (Philadelphia) ใน พ.ศ. 2430 (ค.ศ. 1787)
เพื่อตกลงในรายละเอียดของระบบการเมืองการปกครองของประเทศที่
เพิ่งก่อตั้งใหม่ ทั้งการคิดค้นระบบการเลือกตัวแทนเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร
วุฒิสภา ตลอดจนการคัดเลือกประธานาธิบดี และรวมถึงการสร้างระบบ
การถ่วงดุลอำานาจเพื่อป้องกันทรราชย์นับว่าเป็นประดิษฐกรรมที่ทันสมัย
มากในยุคนั้น และเป็นต้นแบบของการร่างกติกาทางการเมืองที่รู้จักกันในชื่อ
86