Page 128 - kpiebook62016

111

เส้นทางสู่ประชาธิปไตยของอาร์เจนตินา

เกริ่นน า

ก่อนหน้าการรัฐประหารในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1976 อาร์เจนตินาตกอยู่ในสภาวะของความ

ขัดแย้งทางการเมืองจากการหวนคืนสู่อ านาจของพลโทฮวน ดี เปรอง (Juan D. Peron) อดีต

ประธานาธิบดี ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เนื่องจากในสมัยที่พลโทเปรองด ารงต าแหน่ง
ประธานาธิบดีในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1946 - 1955 รัฐบาลด าเนินนโยบายแบบประชานิยม (Populism)

ขยายบทบาทของภาครัฐในการแทรกแซงระบบเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ใช้แรงงาน ส่งผลให้

เกิดเป็นกลุ่มผู้นิยมเปรอง (Peronist) โดยเฉพาะในหมู่แรงงานและสตรีซึ่งได้รับสิทธิเลือกตั้งจากการ

309
ผลักดันของรัฐบาล อย่างไรก็ดี รัฐบาลของพลโทเปรอง ได้ใช้ฐานเสียงสนับสนุนที่เข้มแข็งในการ
ผูกขาดระบบการเมือง ผ่านการจ ากัดสิทธิในการวิจารณ์รัฐบาล จ ากัดการประท้วง และข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม

และเมื่อรัฐบาลเริ่มขาดเสถียรภาพจากสภาวะเศรษฐกิจตกต ่า ประกอบกับการต่อสู้แย่งชิง

ผลประโยชน์ภายในรัฐบาล การควบคุมทางการเมืองก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น โดยมีการบังคับให้ประชาชน

เข้าร่วมพรรครัฐบาล ยึดส านักพิมพ์ รวมถึงการเผชิญหน้ากับศาสนจักรโรมันคาทอลิกแห่งอาร์เจนตินา

น าไปสู่การสนับสนุนของกลุ่มที่ถูกรัฐบาลกีดกันจากการเมืองให้มีการรัฐประหาร ซึ่งเกิดขึ้นในเดือน
310
กันยายน ค.ศ. 1955

แม้ว่ารัฐบาลของพลโทเปรองจะพ้นจากอ านาจไป แต่รัฐบาลทหารและรัฐบาลพลเรือนที่เข้า

บริหารราชการแผ่นดินก็ไม่ประสบความส าเร็จในการแก้ไขปัญหาของประเทศ จนกระทั่งในเดือน

มีนาคม ค.ศ. 1973 ต้องมีการเปิดให้กลุ่มการเมืองของเปรองเข้าร่วมในการเลือกตั้ง แม้ว่าจะยังมีการ
ห้ามมิให้พลโทเปรองลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยตนเอง ซึ่งกลุ่มผู้นิยมเปรองได้รับชัยชนะอีกครั้ง ปูทาง

ไปสู่การกลับมาด ารงต าแหน่งประธานาธิบดีของพลโทเปรอง ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งพร้อมกับ

ภริยา นางอิซาเบล เปรอง (Isabel Peron) ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1973 นางอิซาเบลได้เข้ารับต าแหน่ง

รองประธานาธิบดี แต่ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1974 พลโทเปรองได้ถึงแก่อสัญกรรม และนางอิซาเบล

ได้เข้าด ารงต าแหน่งประธานาธิบดีแทน ภายหลังความล้มเหลวของรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ

309 Aldo C. Vacs, “Argentina,” in Harry W. Vanden and Gary Prevost (eds.), Politics of Latin America the Power Game, 2 nd
ed. (Oxford: Oxford University Press, 2006), pp. 402 – 403.
310 Ibid., p. 405.