Page 141 - kpiebook62016

124

คณะกรรมการค้นหาความจริงได้เปิดเผยถึงการสูญหายของบุคคลจ านวน 9,000 คน พร้อม
กันนี้ รัฐบาลยังผลักดันให้มีการด าเนินคดีต่อผู้น ากองทัพในศาลพลเรือน น าไปสู่การด าเนินคดีต่อ

บรรดาผู้น าเหล่าทัพ และการตัดสินลงโทษจ าคุกตลอดชีวิตสมาชิกคณะทหารสองคน การด าเนินคดี

ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจแก่กองทัพอย่างมาก กองทัพตอบโต้ด้วยการโจมตีรัฐบาลผ่านใบปลิว และ
348
กล่าวหาชาวอาร์เจนตินาว่าเนรคุณต่อความเสียสละของกองทัพ

แรงกดดันจากกองทัพในครั้งนี้ส่งผลให้รัฐบาลของนายอัลฟองซิน ตัดสินใจเสนอกฎหมายหยุด

การด าเนินคดี (Full Stop Law) โดยก าหนดให้อัยการของรัฐมีเวลา 60 วัน นับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผล

บังคับใช้ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1986 ในการส่งฟ้องอาชญากรรมที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.

349
1981 แต่แม้ว่าจะมีการออกกฎหมายดังกล่าว กองทัพก็ยังคงต่อต้านการด าเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่
ทหาร ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1987 นายทหารยศพันตรีผู้หนึ่งปฏิเสธที่จะปรากฏตัวต่อหน้าศาล น าไปสู่
การประท้วงของกรมทหารที่พันตรีผู้นั้นสังกัดอยู่ จนนายอัลฟองซิน ต้องเข้าเจรจาด้วยตนเอง น าไปสู่

การผลักดันกฎหมายคุ้มครองผู้ที่ปฏิบัติตามค าสั่ง (Law of Due Obedience) ซึ่งให้การคุ้มครองแก่

350
ทหารที่มิได้อยู่ในต าแหน่งสั่งการ

แม้ว่ารัฐบาลของนายอัลฟองซิน จะพยายามผ่อนคลายความตึงเครียดด้วยการออกกฎหมาย

สองฉบับดังกล่าว การโจมตีรัฐบาลผ่านสื่อก็ยังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใน ค.ศ. 1988 มีการ
ประท้วงของกลุ่มทหารถึง 2 ครั้ง ความพยายามลดความตึงเครียดกับกองทัพมีเพิ่มขึ้นเมื่อนายเมเน็ม

เข้ารับต าแหน่งประธานาธิบดี ด้วยการให้อภัยโทษแก่ทหารที่ถูกด าเนินคดีจ านวนมาก เมื่อมีการ

ประท้วงของทหารอีกครั้งในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีเมเน็มจึงได้ตอบโต้ด้วยก าลัง

ขณะเดียวกัน การผ่อนปรนการด าเนินคดีต่อทหารของประธานาธิบดีเมเน็ม ได้สร้างความไม่พอใจ
ให้แก่สังคมอย่างแพร่หลาย เห็นได้จากการที่คะแนนนิยมของประธานาธิบดีเมเน็มตกลงถึง 20 จุด

351
ภายหลังจากที่มีการประกาศอภัยโทษให้แก่สมาชิกคณะทหาร

348 Peter H. Smith, op. cit., pp. 92-93.
349 International Center for Transitional Justice, Research Brief: Country case studies on the use of pardons [online], August
3, 2016, Available from https://www.ictj.org/sites/default/files/ICTJ-USA-Accountability-Pardons-Countries-ResearchBrief-
Nov08.pdf.
350
Peter H. Smith, op. cit., p. 94.
351 Ibid., p. 95.