Page 238 - kpiebook62016
P. 238

221







                              โจทย์ส าคัญของงานวิจัยที่กล่าวไว้ในบทน า และเป็นหัวใจก ากับทิศทางของการศึกษาชิ้นนี้คือ
                       เราสามารถสะกัดความรู้ใหม่อะไรได้บ้างจากการเปรียบเทียบ 8 ประเทศ ใน 4 ภูมิภาค ที่มีบริบททาง

                       ศาสนา วัฒนธรรม ระบอบการปกครองเดิม เและประวัติศาสตร์แตกต่างกัน ในส่วนต่อไปนี้ของบทสรุป

                       จะเป็นการวิเคราะห์ข้อเสนอหลักและสมมติฐานที่ตั้งไว้โดยมีที่มาจากกรอบทฤษฎีและการทบทวน

                       วรรณกรรมในบทน าและบทที่ 2 ด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์และกรณีศึกษาซึ่งน าเสนอในบทที่ผ่านมา เพื่อ
                       ตอบค าถามว่า ปัจจัยใดบ้างที่ส าคัญ จ าเป็น และเพียงพอ ต่อการอธิบายความส าเร็จในการ

                       เปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองหนึ่งไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ตั้งมั่น และสามารถจรรโลงประชาธิปไตย

                       ได้อย่างยั่งยืน โดยการศึกษานี้มุ่งวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสถาบันเป็นส าคัญ จึงไม่ได้ศึกษาปัจจัยทาง

                       เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และอื่นๆ รายละเอียดของปัจจัยเชิงสถาบันที่ส่งผลต่อระบอบประชาธิปไตย
                       ปรากฏในส่วนต่อไปนี้


                       ปัจจัยเชิงสถาบันที่ส่งผลต่อความส าเร็จในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย และการจรรโลง

                       ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน

                              ประสบการณ์และข้อมูลเชิงประจักษ์จาก 8 ประเทศ 4 ภูมิภาคที่ได้ศึกษาในงานวิจัยชิ้นนี้

                       น ามาสู่ข้อสรุปถึงปัจจัยส าคัญที่ส่งผลต่อความส าเร็จในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย

                       (Democratization) และการจรรโลงประชาธิปไตยให้ยั่งยืน (Democratic Consolidation) ดังนี้ (โปรด

                       สังเกตว่า ล าดับการน าเสนอไม่ได้สะท้อนล าดับความส าคัญ และการมีปัจจัยใดปัจจัยเดียวไม่เพียงพอ

                       แต่ต้องเป็นปฎิบัติการร่วมของหลายปัจจัย)

                              1. การผนึกก าลังของพลังฝ่ายค้าน และความพร้อมที่จะประนีประนอม


                              การรวมตัวกันของพลังฝ่ายค้านจ าเป็นต้องอาศัยยุทธศาสตร์ และเทคนิคในการสร้างสะพาน

                       เชื่อมความไม่เข้าใจ ความขัดแย้ง และความไม่ลงรอยกันในเชิงผลประโยชน์และอุดมการณ์ของกลุ่ม

                       ต่างๆ ประสบการณ์ในหลายประเทศชี้ว่า การรวมตัวกันและสร้างสะพานเชื่อมความเข้าใจที่แข็งแรง
                       มักท าผ่านแกนน าทางการเมืองที่ท างานอย่างหนักในการประสานรอยร้าว และสร้างเครือข่ายแนวร่วม

                       ให้เกิดพลัง ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบพรรคการเมือง กลุ่มเคลื่อนไหวทางสังคม สหภาพแรงงาน สหภาพ

                       นักศึกษา สถาบันทางศาสนา หรือกลุ่มธุรกิจ การประสานพลังจากภาคประชาสังคม และความร่วมมือ

                       จากกลุ่มต่างๆ เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่น าไปสู่การวางรากฐานประชาธิปไตยใน 3 ประเทศที่ศึกษา ได้แก่
                       โปแลนด์ ชิลี ตูนีเซีย
   233   234   235   236   237   238   239   240   241   242   243