Page 55 - kpi12626
P. 55
การวิเคราะห์ฐานะทางการเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น:
คู่มือสำหรับนักบริหารงานท้องถิ่นในยุคใหม่
ในทำนองเดียวกัน เมื่อเทศบาลมีขนาดงบประมาณรายจ่ายมากขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อมีงบประมาณสูงกว่า 150 ล้านบาทต่อปี มีแนวโน้มที่เทศบาล
จะดำเนินภารกิจต่างๆ อย่างกว้างขวาง ต้องบริหารกระแสเงินสดขององค์กร
ให้ทันกับความจำเป็นเร่งด่วนในการเบิกจ่ายงบประมาณ จนในที่สุดส่งผล
ทำให้สภาพคล่องทางการเงินในระยะสั้นขององค์กรลดลงต่ำกว่าเทศบาล
ขนาดกลางและเล็กทั่วไป ซึ่งเราสามารถพิจารณาได้จากตัวชี้วัดสภาพคล่อง
ทางการเงินในระยะสั้นทั้งสองตัวและจากระดับหนี้สินหมุนเวียนของเทศบาล
ขนาดใหญ่ (มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ—F-stat = 3.628,
p< .01; F-stat = 3.759, p< .01; และ F-stat = 33.929, p < .01 ตามลำดับ)
ในประเด็นสุดท้าย หากพิจารณาสภาพคล่องทางการเงินของเทศบาล
จำแนกตามขอบเขตภารกิจการให้บริการสาธารณะ ผลการวิเคราะห์พบว่า
7
เทศบาลที่จัดบริการสาธารณะเพิ่มเติมมากกว่าบริการพื้นฐานของเทศบาล
ตามที่กฎหมายกำหนด มักมีสภาพคล่องทางการเงินในระยะสั้นที่ต่ำกว่า
เทศบาลทั่วไป (ค่าเฉลี่ยของอัตราส่วนทุนหมุนเวียนและค่าเฉลี่ยอัตราส่วน
เงินสดของเทศบาลขนาดต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทาง
สถิติ—F-stat = 7.265, p< .001 และ F-stat = 7.519, p< .001 ตามลำดับ) ซึ่ง
มีความสอดคล้องกับบทวิเคราะห์ข้างต้นว่าหากเทศบาลมีความจำเป็นที่จะ
7 ผู้เขียนจำแนกขอบเขตภารกิจบริการสาธารณะของเทศบาลจากหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1. เทศบาลที่ดำเนินภารกิจพื้นฐานขั้นต่ำ (baseline service function) ได้แก่ เทศบาล
ที่ดำเนินภารกิจพื้นฐานดังที่แสดงในตารางที่ 1-2 ข้างต้นระหว่าง 1 ถึง 4 ด้าน (จากทั้งหมด
7 ด้านหลัก) มีจำนวน 628 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 64.6 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด
2. เทศบาลที่ดำเนินภารกิจพื้นฐานแบบรอบด้าน (comprehensive core service
function) ได้แก่ เทศบาลที่ดำเนินภารกิจพื้นฐานดังที่แสดงในตารางที่ 1-2 ข้างต้นตั้งแต่ 5 ด้าน
ขึ้นไป (จากทั้งหมด 7 ด้านหลัก) มีจำนวน 344 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 35.4 ของกลุ่มตัวอย่าง
ทั้งหมด
3. เทศบาลที่ดำเนินภารกิจเพิ่มเติม (auxiliary service function) ได้แก่ เทศบาลที่ดำเนิน
ภารกิจเพิ่มเติมตั้งแต่ 3 ด้านขึ้นไป (จากทั้งหมด 6 ด้านหลัก) ดังที่แสดงในตารางที่ 1-2 ข้างต้น
มีจำนวน 81 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 8.3 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด