Page 358 - kpi15476
P. 358
การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15 35
“หญิงนั้นอายุก็มากถึง 20 ปี เศษแล้ว ควรจะเลือกหาสามีตามใจชอบของตนเองได้
แต่ให้ชายคนรักจ่ายค่าเบี้ยละเมิดและค่าฤชาธรรมเนียมแก่ บิดา มารดาอำแดงเหมือน”
อีกกรณีคือ อำแดงจั่นได้ทูลเกล้าถวายฎีกา ร.4 โดยได้โทษสามีว่าลักเอาชื่อของตนไปขาย
ให้เป็นทาสของผู้อื่น โดยที่ตนมิได้รู้เห็นด้วย ร.4 จึงทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยว่า “สามีลักเอาชื่อ
ภรรยาไปขาย ภรรยาไม่ได้รู้เห็นด้วยจะเรียกว่าเป็นเรือนเบี้ยไม่ควร”
๏ สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีทั้งการเสด็จประพาสต่างประเทศและ
การประพาสต้น (เพื่อทราบคำราษฎรกราบบังคมทูลปรารภกิจทุกข์ ทรงตรวจจัดการปกครอง
บางคราวก็เสด็จไปเพื่อสำราญพระราชอิริยาบถ) มีพระราชดำริที่จะใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือให้
ผู้ที่เป็นทาสพ้นจากการเป็นทาส (ข้อมูลที่ผู้เขียนศึกษาพบว่าในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น มีการประมาณกันว่าไทยมีทาสเป็นจำนวนกว่าหนึ่งในสามของพลเมือง
ของประเทศ เพราะเหตุว่าพ่อแม่เป็นทาสแล้ว ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาสก็ตกเป็นทาสอีกต่อๆ
กันเรื่อยไป ทาสนั้นจะต้องหาเงินมาไถ่ตัวเอง มิฉะนั้นแล้วก็จะต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต เพราะ
ตามกฎหมายถือว่ายังมีค่าตัวอยู่) การเลิกทาสและการเลิกไพร่นี้เป็นพระราชกรณียกิจอันสำคัญ
ยิ่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าทรงเป็นธรรมราชา ที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิพลเมืองก่อนที่เรื่อง
สิทธิในเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในสังคมโลก พระองค์ท่านได้ทรงมีแนวคิดที่ให้ความสำคัญและคำนึงถึง
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคล การไม่เลือกปฏิบัติ
โดยไม่เป็นธรรมต่อประชาชนเป็นสำคัญ
แนวพระราชดำริเกี่ยวกับการศึกษาของไทยที่แสดงว่า ทรงคำนึงถึงความเสมอภาคและ
เท่าเทียมของประชาชนคือ พระราชดำรัสว่า “วิชาหนังสือเป็นวิชาที่น่านับถือและเป็นที่น่า
สรรเสริญมาแต่โบราณว่า เป็นวิชาอย่างประเสริฐซึ่งผู้ยิ่งใหญ่นับแต่ พระมหากษัตริย์เป็นต้นมา
ตลอดจนราษฎรพลเมืองสมควรและจำเป็นจะต้องรู้เพราะเป็นวิชาที่อาจทำให้การทั้งปวงสำเร็จ
ในทุกสิ่งทุกอย่าง” ทั้งทรงเน้น “ความรู้” ต้องคู่กับ “ความดี” หรือ “คุณธรรม” ด้วย และพระ
ราชดำรัสที่สำคัญอีก ว่า “บัดนี้ เจ้านายราชตระกูลตั้งแต่ลูกฉันเปนต้นไปตลอดจนถึงราษฎรที่ต่ำ
สุด จะได้มีโอกาสเล่าเรียนเสมอกัน ไม่ว่าเจ้า ว่าขุนนาง ว่าไพร่ เพราะฉะนั้นจึงบอกไว้ว่าการเล่า
เรียนในบ้านเมืองเรานี้จะเปนข้อสำคัญหนึ่งซึ่งฉันจะอุตสาห์จัดให้เจริญขึ้นจนได้” ทั้งยังได้
พระราชทานกำเนิดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รัชกาลนี้ยังได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย จากการส่งออกของป่า และ
น้ำตาล เพิ่มการส่งออกข้าวและการจัดระบบชลประทาน มีการปฏิรูประบบการเงินการคลัง
การจัดทำน้ำประปา การไฟฟ้า และโรงพยาบาล ฯลฯ
๏ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ พระผู้ทรงสถาปนาจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ทรงวางแนวทางการพัฒนาประเทศโดยทรงให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย
อย่างมาก ประจักษ์พยานที่สำคัญก็คือทรงยอมรับการวิจารณ์จากนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์