Page 359 - kpi15476
P. 359
35 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 15
ที่เขียนบทความกล่าวโจมตีรัฐบาล จนดูเหมือนว่าประเทศของเรามีการปกครองแบบประชาธิปไตย
อย่างเต็มที่แล้ว พระองค์ได้วางแผนให้ข้าราชการของพระองค์รู้จักการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยโดยจัดสร้างนครจำลองขึ้น นครจำลองนี้ได้พระราชทานนามว่า “ดุสิตธานี”
เพื่อฝึกฝนให้ข้าราชบริพารของพระองค์ได้รู้จักและเข้าใจการปกครองระบอบประชาธิปไตยใน
วันข้างหน้า
๏ สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นธรรมราชา ซึ่งมีพระราชกรณียกิจ
หลายประการอันถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งต่อพสกนิกรในช่วงรัชสมัยของพระองค์ และมีผล
สืบต่อมาจนถึงประชาชนชาวไทยในปัจจุบัน เห็นได้ว่าแม้จะเป็นพระมหากษัตริย์ในช่วงการ
ปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ก็ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคม โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจและสังคมหลาย
ประการ ทรงโปรดเกล้าให้ตราพระราชบัญญัติที่คุ้มครอง ส่งเสริมสิทธิสตรี สถาบันครอบครัว
และด้านเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิ
> พ.ร.บ.ว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ. 2471 เพื่อปราบปรามการค้าหญิง
และเด็กหญิง ซึ่งมีผู้นำเข้ามาหรือพาออกไปจากประเทศสยาม มีสาระสำคัญหลักๆ ดังนี้
ผู้ใดนำหรือให้ผู้อื่นนำหญิงหรือเด็กหญิงเข้ามาประเทศสยาม เพื่อการรับจ้างให้เขาทำ
เมถุนกรรมก็ดี พาหรือให้ผู้อื่นพาหญิงหรือเด็กหญิงออกไปจากประเทศสยามเพื่อการ
รับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมก็ดี รับหรือจำหน่ายหญิง หรือเด็กหญิงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
โดยที่ตนรู้อยู่ว่ามีผู้นำเขามาในประเทศสยามเพื่อการดังว่ามานั้นก็ดี ท่านว่ามีความผิดต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินพันบาท หรือทั้งจำและปรับทั้งสองสถาน
ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะตรวจตราหญิงและเด็กหญิงทั้งปวงซึ่งเข้ามาสู่หรือจะออก
ไปจากประเทศสยาม
ต่อมาในภายหลังได้มีการปรับปรุงเป็น พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปราบ
ปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ.2540 ซึ่งมีความครอบคลุมมากขึ้นทั้งยังเอาผิดแม้ว่าจะอยู่ในขั้น
ตระเตรียมเพื่อกระทำความผิด ก็ต้องระวางโทษด้วย รวมถึงมีการระบุให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจ
ตราสอดส่องดูแลตามท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง สถานบริการ โรงงาน และ
สาธารณสถานต่างๆ เพื่อมิให้เกิดการกระทำความผิดตามกฎหมายและในสมัยปัจจุบันยังได้มี
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ขึ้นมาอีกฉบับหนึ่งด้วย
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสายพระเนตรอันยาวไกลว่าเรื่องการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการค้า
เอกสารประกอบการประชุมกลุ่มย่อย มาก โดยทรงห่วงใยปกป้องและคุ้มครองเด็กหญิงและสตรี ซึ่งสอดคล้องกับหลักการเกี่ยวกับสิทธิ
หญิงและเด็ก และการเอารัดเอาเปรียบทางเพศจะเป็นปัญหาที่ละเมิดศักดิ์ศรีของมนุษย์มากที่สุด
ประการหนึ่งในสังคมไทย ซึ่งในปัจจุบันปัญหานี้ก็ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่าง
มนุษยชนของเด็กและสตรีในปัจจุบัน โดยที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
เมื่อ พ.ศ.2535 และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ พ.ศ.2528
ซึ่งประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีต้องนำมาดำเนินการ ตัวอย่างอนุสัญญาฯ ทั้งสองฉบับ มีดังนี้