Page 206 - kpi17527
P. 206
ประชาธิปไตยไทยในทศวรรษใหม่
2559
ป ระชาธิปไตยไม่ใช่กฎธรรมชาติ
จึงต้องมีการฝึกฝนคนให้เป็น “พลเมือง” :
การศึกษาเพือความเป็นพลเมือง
(Civic Education)
และตัวอย่างจากต่างประเทศ
ประชาธิปไตยไม่ใช่กฎธรรมชาติ ความเสมอภาคเท่าเทียมก็ไม่ใช่
กฎธรรมชาติ กฎธรรมชาติคือ ปลาใหญ่กินปลาน้อย ผู้แข็งแรงกว่าย่อมเป็นผู้ชนะ
ผู้อ่อนแอย่อมพ่ายแพ้ การใช้กำลังตัดสินปัญหาต่างหากที่เป็นกฎธรรมชาติ
ประชาธิปไตย – ซึ่งเป็นเรื่องของอารยชน ที่ต้องการจะไปให้พ้นจากการตัดสิน
ปัญหากันด้วยกำลัง – จึงเป็นสิ่งที่ ฝืน ธรรมชาติ ดังนั้น การเห็นคนเท่าเทียมกัน
การยอมรับในความแตกต่าง การเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และการรับผิดชอบ
ต่อสังคม อันเป็นลักษณะของ “พลเมือง” ในระบอบประชาธิปไตยดังที่ได้กล่าวมา
1 จึงไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ หากจะต้องมี การเรียนรู้ และ
ฝึกฝน ความเป็น “พลเมือง” จึงจะเกิดขึ้นมาได้
ประเทศทั้งหลายที่เคยล้มเหลวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
มาแล้ว ดังเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศเยอรมัน ดังที่ได้กล่าวมา
ข้างต้น สามารถประสบความสำเร็จกับการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยใน
ทุกวันนี้ได้ ก็เพราะประเทศเหล่านี้ได้ตระหนักว่า ประชาธิปไตยไม่ได้เกิดขึ้นมา
เอง และคนไม่ได้มีความสามารถขึ้นมาได้เองในการปกครองด้วยระบอบ
ประชาธิปไตย ประเทศเหล่านี้จึงมีสิ่งที่เรียกว่า Civic Education ซึ่งผู้เขียนขอ
แปลเป็นไทยว่า “การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง” เพื่อสอนและฝึกฝนคนของ
10
เขาให้เป็น พลเมือง ในระบอบประชาธิปไตย โดยเริ่มสอนกันตั้งแต่เด็กๆ โดยเริ่ม
10 ผู้เขียนเคยใช้คำว่า “การศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง” เนื่องจากต้องการให้ช่วยกัน “สร้าง”
พลเมือง แต่ความจริงแล้ว “การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง” จะตรงกับความหมาย Civic
Education ในภาษาอังกฤษมากกว่า และเห็นว่าในขณะนี้คนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลากรใน
วงการการศึกษาของประเทศไทยได้มีความตื่นตัวในเรื่องนี้ขึ้นมามากแล้ว จึงขอเปลี่ยนมาใช้คำว่า
“การศึกษาเพื่อความเป็นพลเมือง” เพื่อให้ถูกต้องตรงกับความหมายที่แท้จริง
สถาบันพระปกเกล้า