Page 208 - kpi17527
P. 208
ประชาธิปไตยไทยในทศวรรษใหม่
2559
เกิดการถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อวิเคราะห์ปัญหา หาสาเหตุ และเสนอ
โครงงาน ของกลุ่มในการลงมือแก้ปัญหา โดยครูจะดูแล แนะนำ และให้
คำปรึกษาในการทำโครงงานให้เหมาะสมกับระดับอายุและชั้นเรียน วิธีการนี้
จะทำให้เด็กนักเรียนได้เริ่มมองออกไปจากตนเองไปสู่คนอื่น ได้สัมผัสความเป็น
จริงที่อยู่รอบๆ ตัว เห็นตนเองเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา และเชื่อมโยงตนเองเป็น
ส่วนหนึ่งของสังคม โดยกระบวนการกลุ่มจะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่จะยอมรับความ
แตกต่าง เคารพสิทธิ และรู้จักที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น สำหรับการลงมือปฏิบัติจะ
ทำให้เกิดจิตสำนึกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และพัฒนาไปสู่การเป็น “พลเมือง”
ที่ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม กระบวนการนี้ในอเมริกาและประเทศเยอรมันเริ่ม
ต้นตั้งแต่ ชั้นประถมตอนปลาย หรือ มัธยมต้น และเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุด
ในการสร้างประชาชนของเขาให้เป็น “พลเมือง”
เมื่อเริ่มต้นเป็นพลเมืองแล้ว ก็จะเริ่มเรียนเรื่อง การเมืองการปกครอง
อย่างจริงจังในชั้นมัธยม โดย มัธยมต้น จะเรียนเรื่อง การปกครองในระบอบ
1 ประชาธิปไตย และ ประวัติศาสตร์การเมือง
มัธยมปลาย จะเรียนเรื่อง
รัฐธรรมนูญ และ การปกครองโดยกฎหมาย นักเรียนมัธยมปลายต้องเข้าใจเรื่อง
หลักการของประชาธิปไตย การปกครองโดยกฎหมายคืออะไร ทำไมต้องมี
การแบ่งแยกอำนาจเป็น นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ การตรวจสอบถ่วงดุล
กันในระบอบประชาธิปไตยคืออะไร ประชาชนอยู่ตรงไหน รวมทั้งเข้าใจระบบ
การเมืองและการเลือกตั้งของประเทศของตนเองตามสมควร
เมื่อจบมัธยมปลาย อายุ 18 ปี มีสิทธิเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ของ
ประเทศเหล่านี้จึงได้รับการฝึกฝนให้เป็น “พลเมือง” แล้ว โดยเป็น “พลเมือง”
ที่เห็นคนเท่าเทียม ยอมรับความแตกต่าง เคารพสิทธิผู้อื่น รับผิดชอบต่อสังคม
และพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว เมื่อไปเลือกตั้งก็จะ
ไปใช้สิทธิอย่างที่เป็น “พลเมือง” คือไม่ถูกครอบงำด้วยอำนาจหรืออิทธิพลใด
ถ้าไปเป็น นักการเมือง ก็เข้าใจว่าประชาธิปไตยและการปกครองโดยกฎหมายคือ
อะไร บทบาทของผู้แทนปวงชนคืออะไร และจะมีศักดิ์ศรี มีอิสรภาพ มีความ
เสมอภาค จึงไม่ยอมขายตัว หรือยอมให้พรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่มี
ตำแหน่งใหญ่กว่ามาครอบงำ ถ้าไปรับราชการก็จะรู้ว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ก็เป็น
สถาบันพระปกเกล้า