Page 482 - kpi17968
P. 482
471
ตามแบบสำนักกฎหมายธรรมชาตินั้น จะเชื่อในเรื่องความยุติธรรมทางธรรมชาติ
และตั้งคำถามว่าอะไรคือหลักนิติธรรมตามธรรมชาติที่หลักนิติธรรมควรจะเอื้อให้
สังคมได้ นอกจากนี้ ฝ่ายที่ยึดถือแนวความคิดสำนักกฎหมายธรรมชาติ จะเห็นว่า
ถ้าหากนำหลักเรื่องความยุติธรรมตามธรรมชาติไปเขียนเป็นกฎหมายจนชัดเจน
ก็อาจเกิดข้อจำกัดในเรื่องการปรับใช้ เนื่องจาก กฎหมายลายลักษณ์อักษร
มีข้อจำกัด จึงจำเป็นต้องมีองค์กรมีตีความ ดังนั้น จึงควรมีการเปิดช่องให้เกิดการ
ตีความได้ และบทบาทในการตีความ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตีความว่าอะไรคือ
หลักนิติธรรมนี้ ควรเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็จะมีข้อสังเกตประการ
หนึ่งซึ่งมักจะถูกฝ่ายที่ยึดถือแนวความคิดอีกอย่างวิพากษ์เสมอว่า อำนาจในการ
ตีความจะกลายเป็นอำนาจสูงสุดเหนืออำนาจอื่นๆหรือไม่
2. แนวความคิดแบบสำนักปฏิฐานนิยม (Positivism) หรือสำนักกฎหมาย
บ้านเมือง: ฝ่ายที่ยึดถือแนวความคิดแบบสำนักกฎหมายบ้านเมืองจะให้
ความสำคัญกับตัวบทกฎหมายและรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร โดยผู้ยึดถือแนว
ความคิดฝ่ายนี้จะเห็นว่า ควรเขียนกฎหมายให้ชัดเจนในทุกเรื่อง เพื่อป้องกันการ
บังคับใช้ที่เป็นอัตวิสัย เนื่องจากเราไม่สามารถไว้วางใจการปกครองของมนุษย์ได้
แต่ควรไว้วางใจตัวบทกฎหมายมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายของกลุ่มย่อยที่ 3 นี้ แม้ว่าจะมีสองแนว
ความคิดที่มีความแตกต่างกัน แต่ทุกฝ่ายต่างก็มีอุดมการณ์ร่วมกันว่า จะต้องไป
ให้ถึงความเป็นรัฐเสรีที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่เคารพเสียงข้างมาก
และยึดถือหลักเสรีนิยม และการเดินไปถึงจุดหมายดังกล่าวนี้ จะต้องใช้รัฐมูลเป็น
กลไกในการสร้างหลักนิติธรรม ที่สำคัญ จะต้องไม่ใช่การให้ความสำคัญแต่เพียง
เป้าหมายสุดท้าย หากแต่ต้องให้ความสนใจกับกระบวนการที่จะนำไปสู่เป้าหมาย
ด้วย กล่าวคือ รัฐธรรมนูญจะต้องกำหนดอุดมการณ์อันเป็นเป้าหมาย
กระบวนการที่จะนำไปสู่เป้าหมาย ตลอดจนเนื้อหา ที่สำคัญ รัฐธรรมนูญ
ที่กำหนดทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จะต้องได้รับการยอมรับจากสังคม และสิ่งที่
ต้องเน้น คือ รัฐจะต้องปกครองด้วยกฎหมาย โดยให้กฎหมายเป็นหลักในการ
จำกัดการใช้อำนาจรัฐขององค์กรที่ใช้อำนาจรัฐทั้งหมด เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะต้องอยู่
ภายใต้กฎหมายและจะมีอำนาจต่อเมื่อกฎหมายให้อำนาจ
สรุปสาระสำคัญการประชุมกลุมยอย