Page 617 - kpi17968
P. 617
606
ประกาศใช้รัฐธรรมนูญมากกว่า 20 ฉบับ ส่งผลให้สังคมไทยเผชิญกับปัญหา
เกี่ยวกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญให้คงอยู่ และการทำความเข้าใจรัฐธรรมนูญ
มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหลังพ.ศ. 2549 ศาลรัฐธรรมนูญเลือกใช้
แนวทางตุลาการตีความก้าวหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมือง แต่ยังไม่มีการ
ศึกษาถึงหลักการของการตีความรัฐธรรมนูญอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้เกิด
ปัญหาเกี่ยวกับความไม่เชื่อมั่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในการใช้ดุลยพินิจของตน ทั้งนี้
หากปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญสามารถใช้ดุลยพินิจมากเกินไปจนไม่สามารถ
จะตรวจสอบได้อาจจะนำไปสู่ปัญหาที่สำคัญในอนาคต ได้แก่ ประการแรก
การคาดการณ์ไม่ได้ของคำวินิจฉัย กล่าวคือ ในคดีที่คล้ายๆ กันศาลควรจะมี
แนวทางและคำวินิจฉัยที่สอดคล้องกัน แต่ถ้าศาลเลือกใช้กรอบแนวคิดในการ
วินิจฉัยที่แตกต่างกันในคดีที่ใกล้เคียงกัน จะส่งผลให้ในคดีที่คล้ายกันมีผล
คำวินิจฉัยที่แตกต่างกัน จนทำให้ประชาชนจะเกิดความสับสนและไม่มั่นใจ
เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมถึงอาจจะนำไปสู่
การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของศาลและนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นความ
ยุติธรรมของศาลได้ เช่น คดีเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของสภาผู้แทนราษฎร
ที่ปัจจุบันใช้แนวทางการตีความโดยอ้างถึงเจตนารมณ์ดั่งเดิมของประชาชนที่จัดทำ
ประชามติ แต่ในอนาคตเมื่อเกิดคดีคล้ายกันนี้ขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญกลับวินิจฉัย
ใหม่ โดยอ้างเหตุแห่งค่านิยมที่ดีและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่นนี้อาจ
จะนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของประชาชนต่อศาลรัฐธรรมนูญ ประการที่สอง
การตรวจสอบได้ยากถึงเหตุผลของคำวินิจฉัย เพราะเมื่อตุลาการไม่มีหลักการ
หรือหลักการไม่แน่ชัดในการวินิจฉัย ทำให้การวิพากษ์วิจารณ์ตามหลักวิชาการ
เป็นไปได้ยาก และประการสุดท้าย การปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญสามารถใช้
ดุลยพินิจมากจนเกินไป จะส่งผลต่อความมั่นคงของสถาบันศาลรัฐธรรมนูญ
ในระยะยาว
ดังนั้นท้ายที่สุดแล้ว สังคมไทยอาจจะต้องอยู่ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมของ
เขาควาย (Dilemma) ไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าที่สังคมไทยจะวางหลักการเกี่ยวกับ
การตีความรัฐธรรมนูญที่เป็นมาตรฐาน เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีแนวทางในการ
วินิจฉัย ประชาชนมีแนวทางในการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ และยังเป็นการ
สร้างให้ศาลรัฐธรรมนูญกลายเป็นสถาบันหลักที่อยู่อย่างมั่นคงคู่กับสังคมไทย
บทความที่ผานการพิจารณา