Page 274 - kpi18886
P. 274

266




                     1) หากอ่านรัฐธรรมนูญให้ดีจะพบว่าดุลคานอำนาจที่จะป้องกันการใช้

               อำนาจในทางที่ผิดนั้นคลาดเคลื่อนซึ่งจะทำให้กลไกดีๆ ที่ตั้งไว้ไม่มีประสิทธิภาพ
               และเหตุที่ดุลอำนาจคลาดเคลื่อนเป็นดังนี้


                       หนึ่ง การขับเคลื่อนกระบวนการและกลไกต่างๆ เป็นการรวมศูนย์


                       สอง ช่องทางที่ประชาชนที่เคยได้รับมาเมื่อปี พ.ศ. 2540 และ พ.ศ.
               2550 ในการเข้าร่วมกระบวนการสกัดกั้นการใช้อำนาจในทางที่ผิดถูกตัดทิ้ง
               ด้วยเหตุผลเพราะไม่เคยสำเร็จเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเหตุที่ไม่สำเร็จก็เพราะ
               ช่วงนั้นดุลอำนาจสกัดกั้นประชาชน ดังนั้นเมื่อเป็นสิ่งที่ดีและสามารถปรับได้เหตุ

               ใดจึงไม่ปรับให้มีประสิทธิภาพ ขณะที่จริยธรรมซึ่งของเดิมก็ไม่เคยสำเร็จเช่นกัน
               แต่ยังพยายามหาวิธีทำให้ประสบความสำเร็จให้ได้ การกระทำเช่นนี้เท่ากับกัน

               อำนาจสิทธิพื้นฐานประชาชน

                       มาตรา 236 – สมาชิกผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของ

               สภาทั้งสองจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มี หรือ
               ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่น้อยกว่า 20,000 คนมีสิทธิ์เข้าชื่อกัน กล่าวหา
               กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หากผู้ใดกระทำการ ตาม
               มาตรา 234 (1) หมายความว่า ถ้า ปปช. ทุจริตประพฤติมิชอบหรือร่ำรวย

               ผิดปกติหรือทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประชาชน 20,000 คนมาเข้าชื่อกัน
               กล่าวหา คำถามคือทำไมต้องขนาดนั้น การกล่าวหาจะกระทำโดยประชาชน

               คนเดียวไม่ได้หรือเพราะหากประชาชนมีหลักฐานตามสมควรและเสนอต่อ
               ประธานรัฐสภาเลยไม่ได้หรืออย่างไร เดิมกฎหมายกำหนดจำนวนประชาชน
               20,000 ชื่อเพื่อถอดถอนเพราะไม่มีระบบใดๆ เป็นหลักประกันสิทธิให้ประชาชน
               เลยเมื่อประชาชนไม่ต้องการก็ให้เข้าชื่อถอดถอน แต่ในกฎหมายนี้ต้องมีมูลว่าผิด

               ว่าฝ่าฝืน ซึ่งการมีมูลแสดงถึงความไม่ปกติอยู่แล้ว จึงยื่นต่อประธานรัฐสภา
               นอกจากนี้กฎหมายเดิมประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจพิจารณาเพื่อดองเรื่องที่ยื่นมา

               แต่มาตรา 236 บอกว่าหากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการ
               กระทำตามที่ถูกกล่าวหาจึงเสนอเรื่องไปศาลฎีกา หมายความว่า หากประธาน
               รัฐสภาไม่สงสัยก็ไม่ต้องเสนอเรื่อง นี่เป็นการสกัดกั้นการแก้ปัญหาการปราบโกง
               ปัญหาจึงอยู่ที่ประธานรัฐสภาจะจริงจังเรื่องนี้ไม่ เมื่อกระบวนการนี้ตกอยู่ในมือ





                   การประชุมกลุมยอยที่ 3
   269   270   271   272   273   274   275   276   277   278   279