Page 33 - kpi20125
P. 33
บทที่ 3
วิธีการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการเชิงคุณภาพด้วยวิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วม
การวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนจากสถานศึกษาสองแห่งในจังหวัดสมุทรปราการ (โรงเรียนสาขลาสุทธีราอุปถัมภ์)
จ านวน 69 คน และจังหวัดชัยนาท (วิทยาลัยเทคนิคชัยนาท) จ านวน 47 คน แบ่งวิธีการศึกษาตามช่วงเวลา
การศึกษาออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
3.1 การจัดกิจกรรมสัมมนาเพื่อจัดท าแผนเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม
การจัดกิจกรรมสัมมนาเพื่อจัดท าแผนเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม เป็นการวิจัยในระยะที่ 1 ด้วยการจัด
กิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการในการใช้แนวคิดประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยทางถนน
กิจกรรมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการในการใช้แนวคิดประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างความ
ปลอดภัยทางถนนในกลุ่มเยาวชนครั้งนี้ เป็นการด าเนินงานโดยน าแนวคิดประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
(Participatory democracy) เข้ามาประยุกต์ใช้ โดยแนวคิดดังกล่าวมีส่วนส าคัญในการพยายามสร้างโอกาสให้
สมาชิกทั้งหมดเข้ามีส่วนร่วมอย่างมีความหมายตั้งแต่การวิเคราะห์สภาพปัญหา การวางแผน การตัดสินใจ
ตลอดจนการด าเนินงานในขั้นต่าง ๆ จนสิ้นสุดกระบวนการ บทบาทของผู้วิจัยท าหน้าที่เป็นผู้เอื้ออ านวย
กระบวนการที่เอื้อให้เกิดการคิดร่วมกันจนน าไปสู่การออกแบบโครงการ เพื่อให้นักเรียนพร้อมทั้งครูที่ปรึกษา
สามารถบรรลุผลการด าเนินกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นได้ตามบริบทและความต้องการของสถานศึกษาแต่ละแห่งได้มาก
ที่สุด ในขั้นตอนของกระบวนการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมความพร้อม เป็นขั้นตอนเริ่มต้นที่มีความส าคัญ โดยคณะผู้วิจัยได้เดินทางไปประชุม
ร่วมกันกับคณะครูผู้ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบกิจกรรมที่จะจัดขึ้น เริ่มต้นจากคณะผู้วิจัยแนะน าตัว จากนั้นได้
อธิบายถึงความเป็นมาและความส าคัญของการจัดโครงการ การประสานความพร้อมด้านสถานที่และสิ่งอ านวย
ความสะดวก รวมทั้ง ก าหนดวันเวลาในการจัดกิจกรรม ภายหลังการประชุมกับโรงเรียนกรณีศึกษาทั้งสองแห่งจ า
ได้ก าหนดนัดหมายการจัดกิจกรรม ดังนี้
(1) โรงเรียนสาขลาสุทธีราอุปถัมภ์ วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม 2561
(2) วิทยาลัยเทคนิคชัยนาท วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม 2561
ขั้นตอนที่ 2 การสร้างความตระหนักในความปลอดภัยทางถนนและการวิเคราะห์ปัญหาในพื้นที่ เป็น
ขั้นตอนที่ผู้วิจัยด าเนินการในวันที่จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ล าดับแรกผู้วิจัยได้ให้นักเรียนท าแบบประเมินที่
ผู้วิจัยสร้างขึ้นซึ่งเป็นการสอบถามข้อมูลทั่วไป และส่วนที่เป็นการประเมินตนเองเกี่ยวกับพฤติกรรมและทัศนคติ
ของเยาวชนต่อความปลอดภัยทางถนน จ านวน 20 ข้อ ข้อมูลที่ได้จากส่วนนี้จะน ามาพิจารณาเปรียบเทียบความ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างก่อนและหลังการเข้าร่วมโครงการ ล าดับต่อมาได้เชิญวิทยากรจากมูลนิธิประชา
ปลอดภัย และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยในพื้นที่ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ต ารวจ และ
เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัด มาบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์
ด้านความปลอดภัยทางถนนของไทยและสถานการณ์ในพื้นที่ รวมทั้งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในด้านที่
21