Page 30 - kpi20125
P. 30
2.6 ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมกับการแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน
ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Democracy) เป็นค าใช้กับระบอบประชาธิปไตย
แบบผู้แทนที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองและการตัดสินใจมากขึ้น นอกเหนือจากการ
เลือกตั้งเพียงอย่างเดียว เช่น การมีส่วนร่วมรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการด าเนินงานของรัฐ ร่วมแสดงความ
คิดเห็นและให้ข้อมูลในนโยบายสาธารณะ ร่วมตรวจสอบโครงการของรัฐ ฯลฯ หลักการส าคัญของ
ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม คือ ประชาชนมีส่วนร่วมในการเมือง การบริหารและนโยบาย โดยทั่วไปมีดังนี้
1. ประชาชนหรือผู้เข้าร่วมในประเด็นสาธารณะทุกคนสามารถหยิบยกสิ่งที่คิดว่าเป็นปัญหาขึ้นมา
เพื่อก าหนดเป็นวาระนโยบาย เสนอทางเลือก และร่วมเลือกหรือตัดสินใจขั้นสุดท้าย
2. ในพื้นที่การเมืองหรือนโยบายนั้น ประชาชนหรือผู้เข้าร่วมทุกคนได้รับโอกาสให้สามารถพูดคุย
กันได้อย่างทั่วถึง
3. ในกระบวนการทางการเมืองหรือนโยบายนั้น ประชาชนทุกคนหรือผู้เข้าร่วมในกระบวนการ
นโยบายมีโอกาสได้ปรึกษาหารือ อภิปรายในประเด็นปัญหาที่เห็นว่าส าคัญแล้วน ามาพิจารณากันอย่าง
กว้างขวาง ทุกคนที่เข้าร่วมสามารถอภิปราย และแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีและเต็มที่
4. ในกระบวนการมีส่วนร่วมนั้น น าไปสู่การสร้างมติหรือความเห็นพ้องต้องกันในประเด็นปัญหาที่
เลือกมา
ขั้นตอนของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมแบ่งได้เป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การมีส่วนร่วมวางแผน ตั้งแต่การรับรู้ เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผน และร่วม
วางแผนด าเนินกิจกรรม
ขั้นตอนที่ 2 การมีส่วนร่วมในการด าเนินกิจกรรม ตั้งแต่การเข้าไปท ากิจกรรม ตัดสินใจ
ขั้นตอนที่ 3 การมีส่วนร่วมในการจัดสรรผลประโยชน์ รวมถึงการรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นจากการ
ตัดสินใจหรือด าเนินกิจกรรม
ขั้นตอนที่ 4 การมีส่วนร่วมติดตามประเมินผล ร่วมประเมินประสิทธิผลของกิจกรรมต่าง ๆ
(ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2556, น.19; 30)
ในการศึกษาครั้งนี้เน้นความส าคัญของการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายในการ
ค้นหาแนวทางจัดการกับปัญหาความไม่ปลอดภัยทางถนน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมให้กับกลุ่มเป้าหมายใน
ชุมชน เป็นการกระตุ้นให้ชุมชนเรียนรู้และตระหนักความส าคัญของประเด็นปัญหาร่วมกัน ในการศึกษาครั้ง
นี้ได้ประยุกต์แนวคิดส าหรับวิธีเสริมสร้างให้เกิดการเรียนรู้โดยทั่วไป ได้แก่ การเรียนรู้โดยลงมือปฏิบัติจริง
เรียนรู้จากประสบการณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น กรณีศึกษา การถ่ายทอด การบอกเล่า ฯลฯ ซึ่งเป็นวิธีการใน
รายละเอียดของการศึกษาและเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมมีเทคนิคหลายอย่างส าหรับ
ผู้ที่ต้องการศึกษา เช่น การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) การ
ควบคุมและชักชวนให้เล็งเห็นคุณค่า (Appreciation Influence Control: AIC) กระบวนการเรียนรู้ทาง
สังคม (Social Learning Process: SLP) (ปาริชาติ วลัยเสถียร และคณะ, 2543, น.10; น.69-95)
เทคนิคเหล่านี้ล้วนมีความส าคัญต่อการศึกษาในพื้นที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ และขอบเขต
ของผู้ที่ต้องการส่งเสริมการมีส่วนร่วม เทคนิคการศึกษาที่ใช้เป็นส่วนใหญ่ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ การวิจัย
เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) เป็นเทคนิคที่เน้นให้กลุ่มเป้าหมาย
เห็นความส าคัญของการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล มี 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ก่อนการวิจัย เป็นการเลือกพื้นที่แล้ว
มีการส ารวจข้อมูลเบื้องต้น และเผยแพร่แนวคิดการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม 2) การท าวิจัย เป็น
18