Page 188 - kpi20756
P. 188

188     การประชุมวิชาการ
                    สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
            ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย


                  ดังกล่าวได้จำเป็นต้องอาศัยเงื่อนไขบางประการ ดังที่ในงานของเอ็ดเวิร์ด มุลเลอร์ (Edward
                  Muller) ชี้ว่าประชาธิปไตยจะส่งผลในทางบวกต่อการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ต่อเมื่อประเทศ

                  ดังกล่าวมีประชาธิปไตยในระดับสูง และมีระยะเวลาของการปกครองภายใต้ประชาธิปไตย
                  ที่ยาวนาน (Muller, 1988) หากพิจารณาจากแผนภาพที่หนึ่ง ประเทศประชาธิปไตยที่ประสบ
                  ความสำเร็จในการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำคือประชาธิปไตยก้าวหน้าที่ขยายขอบเขตของ

                  ประชาธิปไตยให้ครอบคลุมประเด็นเรื่องสิทธิและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย
                  ตัวอย่างสำคัญของประเทศประชาธิปไตยลักษณะนี้คือประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ดังนั้น

                  การทำความเข้าใจเงื่อนไขและปัจจัยที่ส่งผลให้ประชาธิปไตยสามารถเอื้อต่อการแก้ปัญหา
                  ความเหลื่อมล้ำได้ผ่านกรณีศึกษาเหล่านี้จึงอาจเป็นสิ่งจำเป็น


                       สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยที่ดำรงอยู่ต่อเนื่องยาวนานมีแนวโน้มที่จะสามารถ
                  แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้อาจจะเนื่องมาจากบริบทของการก่อตัวของประชาธิปไตย ที่ในบางช่วง

                  เวลาแนวคิดกระแสหลักทางเศรษฐกิจมีทิศทางที่สนับสนุนบทบาทการแทรกแซงของภาครัฐ แต่
                  สำหรับประเทศประชาธิปไตยคลื่นลูกที่สาม ซึ่งบริบทการก่อตัวของประเทศประชาธิปไตยกลุ่มนี้
                  เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่อุดมการณ์แบบเสรีนิยมใหม่กลายเป็นอุดมการณ์ครอบงำ รัฐบาล

                  ประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นมาในช่วงนี้มักจะลดบทบาทการแทรกแซงในกลไกตลาดตามแนวคิดแบบ
                  เสรีนิยมใหม่ (Fukuyama, 2011) ทำให้โอกาสในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของกลุ่มประเทศ

                  เหล่านี้มีค่อนข้างจำกัดนั่นเอง

                       ประการที่หก แม้ว่าประเด็นส่วนมากจะยังไม่มีข้อยุติ แต่ประเด็นหนึ่งที่ดูเหมือนว่างาน

                  ส่วนมากจะมีข้อสรุปในทิศทางเดียวกันนั่นคือ ความเหลื่อมล้ำส่งผลกระทบในทางลบต่อความ
                  มั่นคงและยั่งยืนของประชาธิปไตย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือส่งผลทำให้คุณภาพของประชาธิปไตย

                  ลดลงนั่นเอง (Muller, 1988; Przeworski et al, 2000; Rueschemeyer, 2004; Bermeo,
                  2009; Houle, 2009) โดยความเหลื่อมล้ำจะส่งผลทำให้ศักยภาพในการมีส่วนร่วมทางการเมือง
                  ของพลเมืองลดลง (Crawford and Abdulai, 2012) เกิดการแบ่งขั้วทางการเมือง ระดับทุนทาง

                  สังคมที่ลดลง (Putnam, 2000) ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของพลเมืองลดลง ทั้งความเชื่อมั่นทั่วไป
                  ที่มีต่อพลเมือง (Kawachi et al, 1997) และความเชื่อมั่นที่มีต่อสถาบันการเมืองแบบ

                  ประชาธิปไตย (Karl, 2000) ส่งผลต่อความชอบธรรมของสถาบันการเมืองแบบประชาธิปไตย
                  (Diamond, 1999) และดังที่ได้กล่าวไปแล้วส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำทางการเมือง โดยเฉพาะ
                  ระหว่างชนชั้นนำ และมวลชน


                       ประการที่เจ็ด งานที่ศึกษาความเหลื่อมล้ำกับกระบวนการประชาธิปไตยส่วนมากมักจะ

        เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 3   (Charles Tilly) โดยทิลลีชี้ให้เห็นว่าการขยายตัวของความเหลื่อมล้ำระหว่างกลุ่มต่างๆ
                  มุ่งเน้นศึกษา “ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ” เป็นสำคัญ ยังค่อนข้างขาดงานที่ศึกษาความเหลื่อมล้ำ
                  ในมิติอื่นๆ ที่ส่งผลต่อประชาธิปไตย ตัวอย่างของงานในลักษณะนี้ดังเช่นงานของชาร์ลส ทิลลี



                  (categorical inequality) เช่น ความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศ ชาติพันธุ์ ศาสนา ชุมชน เป็นต้น
                  และการที่ความเหลื่อมล้ำเหล่านี้ได้ลุกลามเข้าไปยังกระบวนการทางการเมือง จะส่งผลตามมา

                  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่หันเหออกจากประชาธิปไตย (de-democratization) (Tilly,
   183   184   185   186   187   188   189   190   191   192   193