Page 186 - kpi20756
P. 186

18      การประชุมวิชาการ
                    สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
            ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย


                       ในส่วนสุดท้ายผู้ที่รับประโยชน์จากการกระจายทรัพยากรนั่นคือก็มีความสำคัญ หากมวลชน
                  ยังค่อนข้างขาดความตื่นตัว และความตระหนักในสภาพปัญหาความเหลื่อมล้ำ สิ่งที่อาจจะตามมา

                  คือปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจะขยายตัวมากขึ้น เช่นเดียวกับช่องว่างความเหลื่อมล้ำ
                  ทางการเมืองระหว่างชนชั้นนำ และมวลชน อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากผลสำรวจค่านิยม
                  ระดับโลก (World Value Survey) ในปีค.ศ. 2005 และ 2008 พบว่าพลเมืองจาก 11 ใน

                  16 ประเทศกำลังพัฒนา เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “เราต้องการให้มีความแตกต่างทางรายได้เพื่อ
                  เป็นแรงจูงใจ” ในสัดส่วนที่มากกว่าคนที่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “รายได้ควรมีความเท่าเทียม

                  มากกว่านี้” ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าพลเมืองจำนวนไม่น้อยยังมีทัศนคติในทิศทางที่
                  เกื้อหนุนต่อโครงสร้างความเหลื่อมล้ำ (Bermeo, 2009)


                       ประการที่สาม  สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดในปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ คือแนวโน้ม
                  ที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจะส่งผลตามมาทำให้ความเหลื่อมล้ำในด้านอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น

                  โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางการเมือง ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ชนชั้นนำไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้ความ
                  รุนแรงในการกดทับข้อเรียกร้องของมวลชนในการกระจายทรัพยากรเสมอไป แต่สามารถใช้ฐาน
                  ทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่ตนเองมีเข้าไปส่งอิทธิพลต่อกระบวนการทางการเมือง โดยเฉพาะอย่าง

                  ยิ่งในระบอบประชาธิปไตยที่ชนชั้นนำสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองได้หลากหลายลักษณะ
                  ทั้งการลงคะแนนเสียงในฐานะพลเมือง การให้เงินบริจาคแก่นักการเมือง และพรรคการเมือง และ

                  การล๊อบบี้ เป็นต้น ต่างจากมวลชนที่มักจะสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการผ่านการลงคะแนน
                  เสียงเลือกตั้งเท่านั้น หากกระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทที่มวลชนขาดความตื่นตัว
                  ทางการเมืองแล้ว โอกาสที่ระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตยจะเอื้อต่อการแก้ปัญหาความ

                  เหลื่อมล้ำจะยิ่งมีน้อยลง และในระยะยาวอาจส่งผลทำให้ความเชื่อมั่นในระบอบการปกครองแบบ
                  ประชาธิปไตยของมวลชนจะยิ่งลดน้อยถอยลง ในแง่นี้การออกแบบสถาบันการเมืองที่สามารถ

                  ป้องกันคนบางกลุ่มในการเข้าไปมีอิทธิพลทางการเมืองมากเกินไปอาจเป็นสิ่งที่จำเป็น เช่นเดียวกับ
                  การสร้างความตระหนักในอันตรายของปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และการทำให้ปัญหา
                  ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเป็น “ประเด็นสาธารณะ” ที่มีการถกเถียงและรับรู้เป็นวงกว้างก็เป็น

                  สิ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน


                       ประการที่สี่ ความสัมพันธ์ระหว่างความเหลื่อมล้ำกับประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์
                  ที่เรียบง่าย และเกี่ยวข้องกับปัจจัยเพียงหนึ่งหรือไม่กี่ตัวเท่านั้น หากแต่เป็นความสัมพันธ์ที่
                  สลับซับซ้อน เกี่ยวข้องกับทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจ และการเมือง (Kenworthy, 2017) แม้ว่างาน

                  ในยุคแรกจะพยายามชี้ให้เห็นถึงตรรกะความสัมพันธ์ระหว่างสองสิ่งนี้ ภายใต้การคาดคะเน
                  ปฏิสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างชนชั้นนำ และมวลชนท่ามกลางเงื่อนไขของสถานการณ์ที่
        เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 3   ความเหลื่อมล้ำและประชาธิปไตยอาจไม่ได้เรียบง่ายดังที่งานในช่วงแรกชี้ให้เห็น หากแต่เกี่ยวข้อง
                  แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามงานในยุคหลังที่ได้ทำการทดสอบเชิงประจักษ์กับกรณีศึกษาในลักษณะ
                  ต่างๆ ทั้งในเชิงปริมาณ และคุณภาพ ได้ชี้ให้เห็นว่าในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ระหว่าง



                  กับปัจจัยและเงื่อนไขอื่นๆ
   181   182   183   184   185   186   187   188   189   190   191