Page 184 - kpi20756
P. 184
18 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย
อีกหนึ่งงานสำคัญในกลุ่มนี้ที่นำเสนอข้อโต้แย้งที่น่าสนใจคืองานของสเตฟาน แฮกการ์ด
และรอเบิร์ต คอฟมัน จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงระบอบระหว่างปีค.ศ. 1980-2008 ทั้งการ
เปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย 78 กรณี และการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับจากประชาธิปไตยไปสู่
เผด็จการ 25 กรณี หากพิจารณาในแง่ของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย แฮกการ์ด และ
คอฟมันพบว่า สาเหตุของการเปลี่ยนผ่านที่มาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นเพียง “หนึ่งใน
รูปแบบของการเปลี่ยนผ่าน” เท่านั้น ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนผ่าน ขณะเดียวกัน
การเปลี่ยนผ่านภายใต้ปัญหาความเหลื่อมล้ำมักจะพบได้ในกรณีของประเทศที่ประสบปัญหา
ความเหลื่อมล้ำในระดับที่สูง ไม่ใช่ความเหลื่อมล้ำระดับปานกลาง และมักพบได้ในประเทศ
ที่ระบอบเผด็จการได้ใช้อำนาจความรุนแรงในการกดทับมวลชน (Haggard and Kaufman,
2016) ข้อค้นพบทั้งสองนี้ล้วนแล้วแต่ขัดแย้งกับข้อสรุปของงานในกลุ่ม “ปัจจัยเชิงเศรษฐกิจ
ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมือง” ได้ทำนายไว้โดยสิ้นเชิง
นอกจากการศึกษาการเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการอำนาจนิยมไปสู่ประชาธิปไตยแล้ว
แฮกการ์ด และคอฟมันยังศึกษาการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับจากประชาธิปไตยกลับสู่อำนาจนิยม
อีกด้วย ข้อค้นพบที่สำคัญจากการศึกษาในแง่มุมนี้คือการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับส่วนมากไม่ได้มี
สาเหตุมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำหรือการกระจายทรัพยากร หากแต่มาจากปัญหาที่ทั้งสอง
เรียกว่า “อาการประชาธิปไตยอ่อนแอ” (weak democracy syndrome) ที่สะท้อนให้เห็นผ่าน
ปัญหาต่างๆ ทั้งการที่กองทัพค่อนข้างเป็นอิสระไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลพลเรือน
ความอ่อนแอของสถาบันการเมืองแบบประชาธิปไตย และการที่รัฐบาลประชาธิปไตยไม่สามารถ
ตอบสนองต่อปัญหาต่างๆ ของประเทศได้ สำหรับการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับไปสู่เผด็จการอำนาจ
นิยมนั้น ทั้งสองได้นำเสนอเส้นทางการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับไปสองลักษณะสำคัญ ได้แก่
การเปลี่ยนแปลงย้อนกลับโดยชนชั้นนำ (elite reversion) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ท่ามกลางบริบท
ที่ชนชั้นนำทำการโค่นล้มรัฐบาลที่มีฐานการสนับสนุนจากมวลชน และพยายามดำเนินนโยบาย
กระจายทรัพยากร และการที่รัฐบาลชนชั้นนำได้ใช้อำนาจในการสกัดกั้นไม่ให้มวลชนหรือกลุ่ม
การเมืองอื่นๆ เรียกร้องการกระจายทรัพยากร และการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับโดยผู้นำ
ประชานิยม (populist reversion) ที่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้นำประชานิยมที่มาจากการเลือกตั้งได้ใช้
อำนาจแบบเผด็จการในการโค่นล้มตัวแสดงหรือสถาบันทางการเมืองแบบประชาธิปไตยที่พยายาม
ต่อต้านแนวนโยบายการกระจายทรัพยากร (Haggard and Kaufman, 2016)
บทสรุป และข้อสังเกตบางประการ
จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษากระบวนการประชาธิปไตย
เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 3 การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เป็นเส้นตรงจากเผด็จการอำนาจนิยมสู่ประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง และ
ความเหลื่อมล้ำ และความสัมพันธ์ระหว่างสองสิ่งนี้ ผู้เขียนมีข้อสังเกตบางประการดังต่อไปนี้
ประการแรก กระบวนการประชาธิปไตยเป็นกระบวนการที่เต็มไปด้วยพลวัต ทิศทาง
ยกระดับเป็นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม และประชาธิปไตยแบบก้าวหน้าเสมอไป หากแต่