Page 242 - kpi20756
P. 242

2 2     การประชุมวิชาการ
                    สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
            ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย


                  ประชาชนและชุมชนในการพึ่งตนเองในระยะยาว ส่งผลให้ส่วนราชการต่างๆ องค์กรปกครอง
                  ส่วนท้องถิ่นทั้งในเขตเมืองและเขตชนบทมีนโยบายและแผนงาน โครงการที่มุ่งเน้นการสงเคราะห์

                  ประชาชนมากกว่าการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันในท้องถิ่นโดยการสร้าง
                  ความสามารถในการพึ่งตนเอง


                       ประการที่ห้า การขาดเจตจำนงทางการเมือง (Political Will) นับเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก
                  ต่อนโยบายการกระจายอำนาจ เนื่องจากการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นจำเป็นต้องทำให้ภารกิจ

                  และอำนาจการตัดสินใจบางส่วนที่อยู่ที่รัฐส่วนกลางถูกถ่ายโอนไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
                  และหรือชุมชนมากขึ้นซึ่งต้องอาศัยเจตจำนงทางการเมืองของผู้นำประเทศที่ชัดเจนและจริงจังใน
                  การผลักดันนโยบายการกระจายอำนาจ ซึ่งการกระจายอำนาจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ อาทิ

                  ญี่ปุ่นสมัยรัฐบาลนายโคะอิซิมิ (ปี2546-2549) ฟิลิปปินส์สมัยรัฐบาลนางอาคีโน (ปี 2529-
                  2535) มีการผลักดันนโยบายกระจายอำนาจจนประสบความสำเร็จที่เป็นรากฐานมาถึงทุกวันนี้

                  เป็นต้น แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว กล่าวได้ว่า ยังไม่มีผู้นำประเทศคนใดมีเจตจำนงทางการเมือง
                  ในการผลักดันนโยบายกระจายอำนาจเลยทำให้การกระจายอำนาจที่เกิดขึ้นตกอยู่ในวังวนของ
                  อำนาจการเมืองการบริหารที่เน้นการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่นักการเมืองและข้าราชการประจำอยู่


                       สำหรับประเทศไทยแล้ว ยังกล่าวได้ว่า เป็นประเทศหนึ่งที่มีการรวมอำนาจสู่ศูนย์กลาง

                  อยู่มาก แม้ว่าเวลาได้ผ่านการเป็นประชาธิปไตยมากว่าแปดสิบปีเศษแล้วก็ตาม แต่ก็จะพบว่า
                  เวลาดังกล่าวนี้เกือบครึ่งหนึ่งอยู่ภายใต้รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริงหรือเป็น
                  รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารทำให้การกระจายอำนาจเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นหรือมีอยู่น้อยมาก

                  ในสาระสำคัญ แต่ที่น่าผิดหวังมากก็คือ แม้แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเองก็ตามก็ยัง
                  ขาดเจตจำนงทางการเมืองในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ดังจะเห็นได้ว่า หลังจากมีรัฐธรรมนูญ

                  แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งมีบทบัญญัติให้รัฐต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น
                  ได้ปกครองตนเองก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่มีรัฐบาลใดที่แสดงถึงเจตจำนงทางการเมือง
                  ในการผลักดันให้มีการกระจายอำนาจจากส่วนกลางลงสู่ท้องถิ่น รูปธรรมของเรื่องนี้พิจารณาได้

                  จากการถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษา และภารกิจด้านสาธารณสุข ซึ่งประสบปัญหาอุปสรรคและ
                  การต่อต้านจากข้าราชการและหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบจากการถ่ายโอนภารกิจดังกล่าว แต่

                  รัฐบาลก็ไม่สามารถจะดำเนินการให้เป็นไปตามที่กำหนดในแผนกำหนดขั้นตอนและการกระจาย
                  อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ราบรื่น รวมถึงการที่กฎหมายกำหนดแผนและขั้นตอน
                  การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 กำหนดให้มีการจัดสรรรายได้ให้

                  แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ภายในปี 2544 และไม่น้อยกว่าร้อยละ 35
                  ภายในปี 2549 แต่เมื่อถึงปี 2549 รัฐบาลไม่สามารถทำได้ตามที่กฎหมายกำหนด รัฐบาล
        เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 5   พื้นที่จึงเป็นเรื่องยากมากตราบใดที่ยังไม่มีรัฐบาลใดที่มีเจตจำนงทางการเมือง (Political Will)
                  จึงเสนอให้แก้ไขกฎหมายใหม่โดยไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอนว่า จะถึงร้อยละ 35 เมื่อใด

                       ดังนั้น หากจะใช้การกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นเพื่อเป็นกลไกสำหรับการลดความเหลื่อมล้ำใน



                  ที่จริงจังในการกระจายอำนาจรวมถึงนักการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรที่ส่วนมากมีฐานะทาง

                  เศรษฐกิจที่ดีถึงดีมากจะหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจังในการผ่านกฎหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
                  ในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
   237   238   239   240   241   242   243   244   245   246   247