Page 270 - kpi20756
P. 270
270 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 21
ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพประชาธิปไตย
3. การพัฒนาเมืองอัจฉริยะต้องเน้นไปที่ความสมดุลของการพัฒนาระหว่างเมืองและ
ชนบท ความสัมพันธ์ของเมืองอัจฉริยะกับด้านความเป็นอยู่ที่ดี การพัฒนาเมืองให้เป็นเมือง
อัจฉริยะทำให้เกิดมีความแตกต่างกันมาก จะทำให้เกิดการอพยพของแรงงานเข้ามาทำงานในเมือง
มากขึ้น ดังนั้นต้องสร้างความสมดุล เราต้องสร้างให้ภาคเกษตรทำเงินดี เป็นเกษตรอัจฉริยะ
มีการจัดการที่ดีขึ้น ได้กลับไปทำอาชีพเกษตรมีอนาคต แล้วคนรุ่นใหม่จึงจะกลับไปทำ ต้องเอา
เทคโนโลยี และกลไกตลาดเข้าไปช่วย
4. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเข้ามามีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ
ไม่ใช่ระบบสั่งการแบบรวมศูนย์กลางอำนาจตัดสินใจของรัฐบาลและกระทรวง แต่เป็นการกระจาย
อำนาจให้กับคนเมืองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเมืองที่มีความพร้อม ทั้งพื้นที่เช่นเทศบาล
และผู้มีส่วนได้เสียภายในท้องถิ่น รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนา
และดึงภาคส่วนอื่นมาร่วมพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
5. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมการเข้าถึงบริการสาธารณะในเมือง
อัจฉริยะ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสำนักงานจังหวัดรวมถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
จำเป็นต้องสร้างกลไกเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการ เช่นเดียวกับหน่วยงานอย่างสำนักงาน
คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อเป็นกลไกกำกับดูแลให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณะ
ในราคาที่เป็นธรรม สามารถเข้าถึงและไม่เป็นการกีดกันให้คู่แข่งรายอื่นเข้าสู่ระบบนี้ ระบบเช่นนี้
จะครอบคลุมถึงการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลที่จะมิถูกนำข้อมูลของประชากรเมืองไปแสวงหา
ประโยชน์ ซึ่งประชาชนอาจร้องเรียกและสามารถฟ้องร้องได้หากถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
6. ภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมมือขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะให้ความสำคัญทั้งความเจริญ
และการกระจายรายได้ของเมืองอัจฉริยะ ควรให้ความสำคัญสองส่วนคือสร้างความเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกิจและเมือง ซึ่งต้องกระจายรายได้และโอกาสในสังคมจากนโยบายเมืองอัจฉริยะไปสู่
คนเมืองที่หลากหลายด้วย เช่น การศึกษา รายได้ และรูปธรรมคือโอกาสการเข้าถึงคมนาคม
บนท้องถนนในชีวิตประจำวัน เป็นต้น
เอกสารประกอบการสัมมนากลุ่มย่อยที่ 5