Page 10 - kpi21595
P. 10
“อำนาจ” ในการกระทำการใดๆแก่พลเมืองตามต้องการโดยไม่ทำให้เสียประโยชน์ผู้อื่น 3.ป้องกันทรัพย์สมบัติ
ของพลเมือง และ 4.ทำให้ทุกคนในสังคมได้รับความยุติธรรมเสมอกัน ด้วยเหตุนี้เอง บทบาทของพลเมืองจึง
เปลี่ยนแปลงไปและต้องมีความสัมพันธ์กับรัฐชาติมากขึ้นอย่างน้อย 4 ประการ 1.ต้องประพฤติความดีแก่
บ้านเมืองนับตั้งแต่ต้องบำรุงเลี้ยงบุตรหญิงชายของตน ดูแลบิดามารดา ประพฤติดี ทำมาหากินโดยชอบธรรม
ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ประทุษฐร้ายต่อบ้านเมืองและผู้ปกครองบ้านเมือง 2. ช่วยกำลังบ้านเมือง คือ เสียภาษี
อากร 3. ช่วยรักษาบ้านเมืองให้สงบราบคาบคือรับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ หรือสมัครอาสาเป็นพลตระเวน
พลตำรวจภูธร ทำการรักษาท้องที่เพื่อตรวจตราจับกุมผู้ประพฤติผิดกฎหมายและผู้ร้าย 4. ช่วยรักษาความ
ยุติธรรม และการปกครองบ้านเมือง นับตั้งแต่ต้องเป็นพยานในศาลและให้การโดยตรงโดยจริง และนับถือเชื่อ
ฟังผู้มีหน้าที่ทำการของรัฐบาลและไม่แจ้งความเท็จ เป็นต้น
จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าภายใต้แนวคิดเรื่องรัฐสมัยใหม่ทำให้รัฐชาติและพลเมืองของรัฐพึงมีบทบาท
หน้าที่ต่อกันอย่างชัดเจนมากขึ้น เพื่อธำรงรักษาซึ่งความเป็นชาติและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพลเมือง
เพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขของมนุษย์อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเกิดรัฐตามแนวคิดของ
4
ปรัชญาการเมือง อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่อง “พลเมือง” ในความหมายของ citizen แบบตะวันตกที่พึงมี
5
บทบาทในการพัฒนาตนเองและพึงมีหน้าที่ต่อรัฐ ในสังคมไทยก็พบว่ายังมีความคลุมเครือ คาดว่ายังไม่เกิด
ขึ้นกับสังคมไทยก่อนหน้าที่รัฐไทยจะก้าวสู่รัฐสมัยใหม่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ข้อมูลจาก อักขราภิธานศรับท์ ของหมอบรัดเล ที่ตีพิมพ์ในปีพ.ศ. 2416 ได้ให้คำจำกัดความคำว่า “พลเมือง”
ในแง่ที่เป็น “ราษฎรชาวเมือง” หรือคนทั่วไป เช่นเดียวกับคำว่า “ไพร่” ซึ่งหมอบรัดเลได้สรุปความเข้าใจของ
6
คนในสังคมขณะนั้นว่าหมายถึง “คนราษฎรที่เปนชาวเมืองมิใช่ขุนนาง, เปนแต่พลเรือน” คำว่าพลเมืองที่
ปรากฏในสังคมไทยแต่เดิมจึงไม่ได้มีนัยที่เชื่อมกับบทบาทหน้าที่ของพลเมืองตามแบบตะวันตกแต่เป็นเพียงคำ
จำกัดความกลุ่มคนในชาติเท่านั้น คำว่าพลเมืองจึงไม่ได้มีความหมายที่แตกต่างไปจาก ชาวบ้าน ชาวเมือง
ชาวป่า ชาวดอย ในเรื่องของการเป็นราษฎรของแผ่นดิน จะแตกต่างกันก็เพียงพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่เท่านั้น
7
ข้อความตอนหนึ่งจากหนังสือกราบบังคมทูลของเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดีเมื่อครั้งยังดำรง
8
บรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชี้ให้เห็นว่า แม้ผู้คนบางส่วนจะมีสำนึกบางประการที่เปลี่ยนไปภายใต้สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนมากก็ยังไม่มีสำนึกตระหนักถึงบทบาทของชาติที่มีต่อตนและบทบาทของตนที่พึงมีต่อ
4 วีระ สมบูรณ์. ทฤษฎีการเมืองกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์, 2561. หน้า 161.
5 เพิ่งอ้าง, หน้า 170-172.
6 แบรดเลย์, แดนบีช. อักขราภิธานศรับท์. พระนคร : องค์การค้าของคุรุสภา, 2514. หน้า 464 และ 472.
7 อ่านเพิ่มเติมในบที่ จารุวรรณ แก้วมะโน. “บทที่ 3 ความหมายและการเปลี่ยนแปลงความหมายของคำว่าชาวบ้าน”. ใน วาทกรรม “ชาวบ้าน”
กับการจำกัดตนเองในการมีส่วนร่วมทางการเมือง. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2551. และ ศริพจน์ภาษาไทย์
ของบาทหลวงเวย์ ที่ตีพิมพ์ในปีพ.ศ. 2439
8 พระราชหัตถเลขาและหนังสือกราบบังคมทูลของเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี. (แต่ยังมีบรรดาศักดิ์เป็นพระมนตรีพจนกิจและพระยาวิ
สุทธสุริยศักดิ์ พ.ศ. 113-118 พ.ศ.2437-2442) พิมพ์ในการพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงเสงี่ยม พระเสด็จสุเรนทราธิบดี ท.จ. 12 เม.ย. พ.ศ.
2508. ฉบับลงวันที่ 29 พ.ย. ร.ศ.114.
2