Page 11 - kpi21595
P. 11

ชาติมากนัก กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะพัฒนาไม่ได้ ดังความว่า “...คนของเรามิใช่โง่ดื้อเถื่อนไปหมด ดังชาวป่าก็หา

               ไม่ ที่ฉลาดดีก็มีถมไป หากไม่ได้ความรู้และความประพฤติดีเป็นเครื่องประดับ ฉลาดก็พาไปให้ปล้นและฉ้อเขา
               ที่เรียบร้อยก็ไม่มีช่องอันใดจะอุดหนุนให้เปิดเผย ก็พาความฉลาดจมอยู่ ข้าพระพุทธเจ้าเชื่อในคำว่า “กรุงศรี

               อยุธยาไม่สิ้นคนดี...” พร้อมทั้งกราบบังคมทูลฯเสนอความเห็นเรื่องการ “ปลูกกำลังคน” ให้เป็นส่วนหนึ่งในการ

               ปฏิรูปประเทศสยามในขณะนั้น เพราะท่านได้เล็งเห็นว่าภายใต้รัฐสยามที่ต้องเข้าสู่กระแสโลกนั้น กิจการในยาม
               สงบก็มีความสำคัญอย่างยิ่งไม่เพียงแต่กิจการในภาวะสงครามเช่นแต่ก่อน ดังความว่า “...การพลเรือนย่อมเป็น

               การใหญ่และสำคัญมากมายหลายประการ ...ทหารของประเทศทุกวันนี้ใช่จะเอากำลังและฝีมือไปตีชิงเขามาได้
               ตามบ้านเล็กเมืองน้อยเช่นทหารแต่ก่อน ... ก็เห็นได้ว่าการพลเรือนย่อมเป็นกำลังของทหาร...” และว่า “... แต่

               ที่จริงบรรดาข้าศึกศัตรูทุกวันนี้ที่จะมุ่งหมายกระทำย่ำยีซึ่งกันและกันก็ไม่จ้องดูและคร้ามเกรงที่ตัวทหารเหมือน

               การทัพศึก ซึ่งต่อสู้ด้วยฝีมือกันอย่างแต่ก่อน การทุกวันนี้ย่อมคร้ามเกรงกันด้วยกำลังพลทหารที่มากและกำลัง
               เครื่องศาสตราวุธและเครื่องรบทั้งปวง ก็กำลังพลทหารและเครื่องรบทั้งสองอย่างนี้จะมีมาได้ด้วยประการใด

                                                                                           9
               ย่อมมีมาได้ด้วยความสุขของไพร่บ้านพลเมือง ความบริบูรณ์ของวิชาและการทำมาค้าขาย..”
                       เรื่องของการสร้างสำนึกพลเมืองให้แก่ราษฎรทั่วไปนั้น เป็นเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า

               เจ้าอยู่หัวทรงเห็นความสำคัญอยู่แล้ว การปฏิรูปหลายด้านของพระองค์คือหลักฐานเชิงประจักษ์ในการ

               ปรับเปลี่ยนบทบาทของรัฐสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นการพัฒนาและมีพันธกิจต่อพลเมืองของรัฐมากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องใหญ่
               และยากยิ่ง กระนั้น เรื่องที่ใหญ่และยากกว่าก็คือการสร้างและพัฒนาสำนึกความเป็นพลเมืองให้แก่ราษฎรของ

               รัฐที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆทั่วราชอาณาจักรสยามทั้งที่เป็น ชาวบ้าน ชาวเมือง ชาวป่า ชาวดอย ให้มีสำนึกของ

               ความเป็นพลเมืองสมัยใหม่ ที่พึงมีบทบาทบางประการร่วมกันกับรัฐเพื่อธำรงไว้ซึ่งความเป็นรัฐชาติในภาพรวม
               การปฏิรูปการศึกษานับเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสำนึกพลเมืองดังกล่าว เพราะพลเมืองไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น

               มาตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่ต้องปลูกและสร้างขึ้น ดังที่ พลาโตนักปรัชญาชาวกรีกชี้ให้เห็นว่าพลเมืองที่เอาการ
                                                                                                         10
               เอางานนั้นจะเกิดขึ้นได้จากการปลูกฝังคุณธรรมผ่านการศึกษาไม่ใช่เกิดมาแล้วผู้ใดก็เป็นพลเมืองได้โดยทันที
               ความข้อนี้สอดคล้องกับงานวิชาการด้านการส่งเสริมและสร้างความเป็นพลเมืองทั้งของไทยและต่างประเทศ

               หลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่าการสร้างความเป็นพลเมืองนั้นจำเป็นต้องกระทำผ่านการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนา
               ทักษะให้แก่พลเมือง อาทิ งานของคุณทิพย์พาพร ตันติสุนทร และ อาจารย์ปริญญา เทวนฤมิตรกุล ในเรื่อง

               เกี่ยวกับการศึกษาสำหรับพลเมือง งานของสถาบันพระปกเกล้าเรื่องโครงการสร้างสำนึกพลเมือง (Project
               Citizen) งานของ Center for Civic Education และงานของ Charles N. Quigley ในเรื่องของ Civic

               Education เป็นต้น

                       สำหรับสังคมไทย เรื่องของการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นพลเมืองเริ่มต้นอย่างจริงจังในรัชสมัยของ
               พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงทรงมีพระราชดำรัส

               ให้ปรับปรุงการศึกษาใหม่ที่จะพัฒนาพลเมืองให้เข้าใจในเรื่องของบทบาทความเป็นพลเมือง อาทิ พระองค์ทรง

               มีพระราชดำริให้มีการปรับปรุงแบบเรียนให้สั้นกระชับขึ้น และทรงมีพระบรมราชโองการให้มีการสำรวจแบบ


               9  เพิ่งอ้าง, ฉบับลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2441, หน้า 213-219.
               10  ธเนศวร์ เจริญเมือง. พลเมืองกับสังคมประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ: คบไฟ, 2560. หน้า 32.


                                                                                                        3
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16